วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559

ประจวบเหมาะพอดี















































ประจวบเหมาะพอดี




ทริปนี้ก็เป็นอีกทริปที่นั่งรถไฟฟรีจากกรุงเทพ(หัวลำโพง)ไปเที่ยว แบบว่างบน้อยมากๆ ทริปนี่เรากับเพื่อนๆเดินทางกันสี่คน ว่างงานตรงกันชวนกันปุ๊บไปกันปั๊บ เราออกเดินทางด้วยรถไฟรอบเวลา 07:30 น.เดินทางมายังหัวหินถึงหัวหินประมาณบ่ายสองโมง จุดหมายปลายทางของเราครั้งนี้คือ ประจวบคีรีขันธ์และเขาล้อมหมวก กองบิน 5 พอถึงปุ๊บก็เดินเล่นสำรวจเมืองสักนิดหน่อยและก็เดินหาโรงแรม จนในที่สุดก็มาได้ที่โรงแรมเมื่อทำการเช็คอินเข้าที่พัก ล้างหน้าล้างตาก้ได้เวลาเดินไปดูพระอาทิตย์ตกที่วัดเขาช่องกระจก ระหว่างทางเดินสังเกตตลอดว่าลิงเยอะมากๆๆๆกว่าจะลงมาจากเขาช่องก็จกก็มืดค่ำและก็มุ่งหน้าหาอะไรกินที่ตลาดโต้รุ่งก็เข้าที่พัก รุ่งเช้าเลยเดินเล่นริมชายหาดไปเรื่อยๆผ่านบ้านไม้เก่าๆ ตลาดสด ก่อนหาอะไรกิน แล้วช่วง9โมงก็ไปขึ้นเขาล้อมหมวกเล่นเอาเหนื่อยกว่าจะลงมาก็บ่ายสามเกือบบ่ายสี่ แล้วขี่มอไซชิวๆริมหาดไป ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพตอนหกโมงเย็นด้วยรถตู้ 220 บาท หมดงบประมาณไปทั้งสิ้นคนละ 1000 บาท ไม่เกินนี้



เริ่มทริปกันแบบนั่งรถไฟฟรีไปตามเคย เพียงใช้แค่บัตรประชาชนยื่นเท่านั้นแล้วต้องรีบขึ้นไปจองที่นั่งก่อนจะเต็ม



พูดไม่ทันขาดคำที่นั่งก็เต็มซะละ ฮ่าๆ ก็พากันยืนไปตลอดทาง กว่าจะถึง...






นั่งกินลมชมวิว รับบรรยากาศธรรมชาติๆกันให้เต็มปอดกันเลยทีเดียว



พอถึงประจวบ สิ่งแรกที่หาคือเช่ามอไซต์ขี่ให้ทั่วเมือง จนลืมไปว่าต้องหาที่พักก่อน




ฟังเสียงคลื่นกระทบฟัง พากันนั่งมองไปที่ยอดเขาตรงข้ามที่เป็นจุดมุ่งหมายในการมาปีนเขา...




สถานที่แรกที่ไปคือวัดเขาช่องกระจก ที่มีบันไดชัน200กว่าขั้น




ระหว่างทางก็จะมีเจ้าลิงหลายตัวมาก สิ่งที่ต้องระวังคือของมีค่า ไม่งั้นโดนมันแย่งแน่ๆ


พอถึงยอดวัดเขากระจกเพื่อจะมาถ่ายรูปกัน ดันมีเมฆฝนกำลังมาพอดี




ตกเย็นก็มาเดินเล่นที่สะพานปลา จุดที่ถ่ายรูปสวยอีกที่นึงเลย


พักท้องๆกันบ้าง อาหารทะเลอยากบอกว่าสดมาก

กลางคืนก็มานั่งจิบไรเย็นๆริมทะเล บรรยากาศฟินมากอ่ะ บอกเลย...


ตื่นเช้าของอีกวัน ก็มารับบรรยากาศรุ่งแสงของวัน


ตลาดเช้าของประจวบ ที่อาหารเช้าถูกและอร่อยมาก


หัวใจของทริปนี้คือยอดเขาแห่งนี้ เขาล้อมเมือง









ถึงจนได้สุดยอดเขาลำเนาไพร ขาอย่างสั่น...

เ ห ล่ า ผู้ พิ ชิ ต ...


จากสิ่งที่เห็นแดดมีความร้อนมากวันที่ไป

ก่อนกลับก็มาดูพระอาทิตย์ตกดินละก็กลับกรุงเทพกันแบบทริป งง อ้าวต้องกลับกันล้ะหรอ


วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2559

รถไฟขบวนนำเที่ยวน้ำตกไทรโยคน้อย

ออกเดินทางกัน

กาญจนบุรี เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ใกล้กับกรุงเทพ สามารถเที่ยวภายใน  1 วัน ได้แบบสบาย  มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม  มาเที่ยวเมืองกาญรับรองเที่ยวคุ้ม เที่ยวครบมีสถานที่ที่น่าสนใจ ที่สามารถเที่ยวในวันเดียวด้วยรถไฟขบวนนำเที่ยวน้ำตกไทรโยคน้อย เป็นเที่ยวขบวนพิเศษ ในราคาที่ประหยัดไป-กลับ คนละ 120 บาทเท่านั้น
ซื้อตั๋วมุ่งหน้าไปน้ำตกไทรโยคน้อย จากสถานีหัวลำโพง ออกเวลา 06.30 น. เวลากลับถึงกรุงเทพ 20.35 น. ซึ่งก็จะถึงช้ากว่าปกติ 1 ชั่วโมง
โดยนั่งรถไฟขบวน 909 ที่เป็นขบวนพิเศษซึ่งจะต้องนำนักท่องเที่ยวไปที่น้ำตกไทรโยคน้อย มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติในขบวนเดียวกัน
การนั่งไปก็จะมีที่นั่งประจำทั้งขาไปและขากลับ เป็นรถไฟชั้น3 หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "แอร์กี่"นั่นเอง ฮ่าๆ




ประมาณ 8.00 น. ก็จะให้นักท่องเที่ยวแวะลงที่พระปฐมเจดีย์ ที่จ.นครปฐม ให้เวลา20นาที

ตลอดการลงเดิน 20 นาที ก็จะพระบิณฑบาตรตลอดเส้นตลาดก่อนถึงพระปฐมเจดีย์

สำหรับบางคนไม่เคยนั่งรถจักรยานปั่นสามล้อ ก็สามารถใช้บริการได้ท่านละ 20 บาทเท่านั้นเอง

พอถึงพระปฐมเจดย์ก็จะมีการถวานสังฆทานทำบุญ ช่วงที่ผมไปมีการทำโรงทาน อาหารอร่อยมากนะ


ตลอดการเดินทาง ก็จะมีธรรมชาติโดยรอบเส้นทาง ให้คนเมืองกรุงที่ออกไปสูดอากาศได้ถ่ายเทกัน
ประมาณ10.10 น. ก็ถึงสะพานแควใหญ่ ให้นักท่องเที่ยวได้แวะถ่ายรูปคนละ 30 นาที







สำหรับคนที่ตกรถไฟนำเที่ยวน้ำตกก็สามารถมารอขึ้นรถไฟฟรีที่จะไปน้ำตกได้เหมือนกันน้ะ (ซึ่งผมตกขวบนนำเที่ยว ฮ่าๆ)
พอได้ตั๋วฟรี ก็ต้องรีบขึ้นมาหาที่นั่งให้เร็วที่สุดไม่งั้นได้ยืนจนกว่าจะมีที่นั่ง ช่วงที่ไปมีนักศึกษามหิดลเหมา4ขบวนไปรับน้องที่กาญพอดี


สำหรับคนที่ชื่นชอบการล่องแพสามารถลงสถานีได้ตามสะดวก ขอบอกว่าบรรยากาศดีมากนะ




 
พอเจ้าสถานีประกาศว่าจะถึงไคแมค คือสะพานสายมรณะ นักท่องเที่ยวก็รีบหามุมเพื่อจะได้มาดูสะพานสายนี้กันทันที
ณ เวลานี้ประมาณ 12.30 น. ที่ถึงสะพานสายมรณะ ที่ต้องเดินกันอย่างระมัดระวังอย่างมาก
จุดนี้เป็นจุดที่ถ่ายรูปสวยที่สุดตลอดเส้นทางการเดินทาง กับเป็นจุดที่เสี่ยงที่สุดตลอดเส้นทางด้วย...

 
ถึงจนได้สุดเส้นทางคือที่หมาย น้ำตกไทรโยคน้อย เวลา 14.00 น. มีเวลาให้เยอะหน่อย 40 นาที
นี่คือสิ่งที่ทุกคนทั้งขบวนต่างคิดเหมือนกัน ในการเตรียมเสื้อผ้ามารอกระโดดน้ำเล่นน้ำตกที่แสนจะสงบกัน
ผมตามรีวิวมา บอกน้ำลึก น้ำวน ระวังน้ำป่าไหลหลาก


แต่สิ่งที่ผมและนักท่องเที่ยวพบเจอ ก็ถูกตามที่มีคนรีวิวไว้นะ น้ำตกมีความเงียบสงบมากกกก ...ฮ๋าๆ

รถไฟหัวจักรไอน้ำคันแรกของไทย ที่ญี่ปุ่นมอบให้แก่เมืองกาญ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง


บรรยากาศที่แสนจะสดชื่นเหมาะแก่การสูดให้เต็มปอดก่อนที่จะเข้ามาสูดควันเมืองกรุงควันและฝุ่นมากมาย(เกี่ยวมั้ย)


นี่คือ สุสานทหารพันธมิตร
ในตัวเมืองกาญจนบุรีมีสุสานทหารพันธมิตรซึ่งสร้างไว้เป็นอนุสรณ์สถาน ได้แก่ สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก ตั้งอยู่ริมถนนแสงชูโต ก่อนจะเข้าตัวเมือง สุสานแห่งนี้เป็นสุสานของเชลยศึกสัมพันธมิตรที่เสียชีวิตในระหว่างการสร้างทางรถไฟสายมรณะ อีกหนึ่งแห่ง คือ สุสานทหารสัมพันธมิตรช่องไก่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแควบรรจุศพทหารเชลยศึกซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารอังกฤษ ประมาณ 1,740 หลุม




รอบที่ผมไปโชคดีฝนไม่ตก เลยได้แวะสุสานแห่งนี้ เป็นเวลา 20 นาที ก่อนที่จะขึ้นรถไฟกลับเมืองกรุง
ระหว่างทางตอนกลับ ก็จะมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของที่เป็นสินค้าโอท๊อป ซึ่งแต่ละอย่างอยากจะบอกว่าอร่อยจริงๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะอร่อยแบบนั้นหรือเพราะบนรถไฟไม่มีอะไรให้กิน พอได้กินเลยอร่อยไปหมดไม่รู้ ฮ่าๆๆ
 
 
  • ปล. -ถ่ายรูปด้วยกล้องโทรศัพท์ตลอดเส้นทาง อาจไม่สวยแต่ขอพื้นที่เก็บบรรยากาศมาฝากนะ
  •       -call-center รฟท. เบอร์ 1690 นะครับ โดยผมก็โทรสำรองที่นั่ง ถามถึงเส้นทาง ทริปแต่ละทริปมีรายละเอียดไม่เหมือนกันนะ
  •        ใครที่ว่างๆไม่มีอะไรทำ ก็แนะนำให้สะพายเป้ละมาออกเดินทางกันเนอะ คือผมชอบนั่งรถไฟ อาจจะช้าหรือร้อน
           แต่ระหว่างทางมันก็ทำให้เราได้คิดอะไรเยอะดี นั่งมองวิวข้างทางสุดท้ายจริงๆแล้ว
ข้อแนะนำ การนั่งรถไฟสายมรณะ กาญจนบุรี
  • เตรียมน้ำดื่ม ขนม ของกินจากบ้านไปมากๆ
  • อ่านหนังสือ ฟังเพลง พอเพิ่มความอิน
  • เตรียมเพลง เตรียมแบต เตรียมหนังสือไปอ่านบนรถไฟได้เลย
  • ใครอยากฝึกภาษาอังกฤษ แนะนำไปกับรถขบวนนี้ มีทั้งฝรั่ง คนจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น โดยสารมาด้วย
  • ที่น้ำตกไทรโยคน้อย ใครมีเวลาให้เดินขึ้นไปข้างบนต่อรถมอไซค์อีก 20 บาท จะเจอกับบ่อพุต้นน้ำ ตรงนั้นมีร้านอาหารน้ำเยอะและดีกว่าเล่นข้างล่าง
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านครับ  คราวหน้าจะเตรียมพร้อมมากกว่านี้ ฮืออ... ลาก่อนกาญ