วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

โทษของน้ำอัดลม มีอะไรบ้างนะ




น้ำอัดลมกลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของคนไทยเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะรู้สึกกระหาย อยากคลายร้อน หลายคนมักจะนึกน้ำอัดลมแทบทุกคนเรียกได้ว่าเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ แต่ถึงแม้ว่าน้ำอัดลมจะดื่มแล้วทำให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้นแต่คุณหรือไม่ว่าโทษของน้ำอัดลมนั้น มีผลเสียกับร่างกายอย่างไรบ้างโดยเฉพาะกับผู้ชอบดื่มน้ำอัดลมเป็นชีวิตจิตใจแทบจะดื่มแทนน้ำเปล่าในแต่ละวันนั้นควรจะต้องอ่านเป็นอย่างยิ่ง





การดื่มน้ำอัดลมนั้นแน่นอนว่าส่วนใหญ่แล้วมักจะชอบดื่มน้ำอัดลมเย็นๆ หรือน้ำอัดลมใส่น้ำแข็ง ซึ่งต่ำกว่าอุณหภูมิปกติในร่างกายเรามากทำให้ประสิทธิในการย่อยอาหารน้อยลงหรือย่อยยากขึ้น



โทษของน้ำอัดลม


- ทำให้กระดูกพรุน ฟันผุ ทั้งนี้เพราะในน้ำอัดลมีกรดฟอสฟอริกซึ่งเกิดจากฟอสฟอรัสจากกำมะถัน ในเลือดของคนเรานั้นมีสัดสัดที่ต้องการแคลเซียม 2 ต่อ ฟอสฟอรัส 1 และเมื่อเราดื่มน้ำอัดลมมากเกินไปจะทำให้เลือดของเรามีปริมาณฟอสฟอรัสมากเกินไปทำให้เกิดการเสียสมดุลทำให้ร่างกายจะต้องไปดึงแคลเซียมจากกระดูกมาใช้ เมื่อกระดูกขาดแคลเซียมไปจึงทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน นอกจากนี้คาเฟอีนที่อยู่ในน้ำอัดลมนั้นทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้นจึงทำให้ร่างกายสูญเสียแคลเซียมจากการปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น


- โรคอ้วน ปริมาณน้ำตาลที่เราควรรับประทานต่อวันคือ 24 กรัม แต่ในน้ำอัดลม1 กระป๋องมีน้ำตาลมากถึง 30 กรัม เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นการดื่มน้ำอัดลมมากเกินไปอาจจะทำให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพเพราะได้รับปริมาณน้ำตาลเข้าไปในร่างกายมากเกินไปซึ่งอาจจะทำให้เป็นโรคอ้วน เบาหวาน ดังนั้นควรลดการดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำหวานให้น้อยลงเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นของคุณ


- กรดคาร์บอนิกในน้ำอัดลม ซึ่งเป็นกรดที่ทำให้น้ำอัดลมมีฟอง ซ่า กรดคาร์บอนิกนั้นสามารถย่อยมีฤทธิ์กัดกร่อยย่อยสลายหินปูนได้ ฉะนั้นกรดคาร์บอนิกจึงสามารถทำให้ฟันผุและกระดูกพรุนได้เช่นกัน


- นอนไม่หลับ ใจสั่น มือสั่น เนื่องจากฤทธิ์ของคาเฟอีนที่เป็นองค์ประกอบในน้ำอัดลมไปกระตุ้นระบบประสาทนั่นเอง



- ท้องอืด ปวดท้อง แน่นท้อง เป็นโรคกระเพาะ

ออกกำลังกายร่วมกับใช้ชีวิตอย่างมีความสุข




ออกกำลังกายร่วมกับใช้ชีวิตอย่างมีความสุข





การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีที่ใครๆ ต่างก็ได้รับข้อมูลมาทั้งจากแพทย์และสื่อต่างๆ แต่จะทำอย่างไรให้ออกำลังกายได้อย่างมีคุณภาพและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข





ออกกำลังกายอย่างมีคุณภาพ โดยให้ได้ทั้งเรื่องรูปร่างและเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย ตามหลักการจากสมาคมเบาหวานฯ ได้แนะนำเกี่ยวกับการออกกำลังกายว่า



• ควรทำอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือออกกำลังกายระดับหนัก เช่น แข่งฟุตบอล อย่างน้อย 75 นาทีต่อสัปดาห์ และควรเพิ่มการเคลื่อนไหวของร่างกายจากการทำกิจวัตรประจำวัน รวมถึงลดการนั่งอยู่กับที่นานเกิน 90 นาที



• ออกกำลังกล้ามเนื้อ เช่น ยกน้ำหนัก เกร็งกล้ามเนื้อ โดยเลือกกล้ามเนื้อมัดใหญ่อย่างน้อย 2 วันต่อสัปดาห์



• ก่อนและหลังออกกำลังกายควรยืดเหยียดกล้ามเนื้อแต่ละส่วน เช่น คอ ไหล่ แขน เข่า ขา เพื่อลดการบาดเจ็บ และอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อ





การออกกำลังกายแต่ละครั้งอย่างน้อย ก็ควรจะให้เหนื่อยต่อเนื่องอย่างน้อย 30 นาที ถ้าพูดง่ายๆ คือเหนื่อยจนพูดได้เพียงเป็นคำแล้วกันนะครับ





เข้าใจสรีระตัวเอง แต่ละคนมีรูปร่างต่างกัน ทำให้การเริ่มออกกำลังกายเป็นไปได้ยากง่ายแตกต่างกัน ถ้าอยากจะหุ่นดีแบบดาราหรือนักกีฬาคงต้องใช้เวลาเป็นเดือนถึงเป็นปี ต้องคุมอาหารอย่างจริงจัง ออกกำลังกายหนักกว่าที่กล่าวมาข้างต้นเยอะในช่วงเวลาที่จำกัด แต่มันเป็นอาชีพของเขาครับ


สำหับคนทั่วไปการออกกำลังกายตามคำแนะนำข้างต้นอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างพอดี ก็เพียงพอแล้วที่จะใส่เสื้อผ้าแล้วดูดี มีสุขภาพที่ดี ทั้งนี้การรับประทานอาหารเป็นความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตมนุษย์ จึงไม่มีกฎตายตัวในการคุมอาหารสำหรับคนที่ไม่ได้เป็นโรค ผมคงใช้แค่คำว่า “พอดี พอควร” แล้วกันครับ


การแบ่งเวลาคือกุญแจสำคัญที่สุด ใน 1 อาทิตย์ การออกกำลังกาย เช่น วิ่ง 30 นาที 5 วัน อาจุดูเหมือนนาน แต่ถ้าเราฟังเพลงไปด้วยก็เหมือนใช้เวลาฟังเพลง 5-6 เพลง พักอีก 30 นาที รวมแล้วใช้เวลาไป 1 ชั่วโมง ซึ่งในชีวิตจริง เวลา 1 ชั่วโมง คุยกับเพื่อน เล่นมือถือก็หมดไปอย่างรวดเร็วแล้วครับ พิจารณาดูแล้วยังเหลือเวลาใช้ความสุขกับชีวิตอีกเยอะ หากสามารถวางแผนแบ่งเวลาได้อย่างเหมาะสม ก็สามารถใช้ชีวิตพัฒนาตนเองได้อย่างมีคุณภาพแล้ว

ประโยชน์ของการดื่มน้ำ


  

ประโยชนช์ของการดื่มน้ำ เคยได้ยินกันมานานแล้วว่าการดื่มน้ำดีต่อสุขภาพร่างกาย แต่ดีขนาดไหน เราจะเผยความจริงให้คุณรู้ !

เชื่อว่าทุกคนก็คงจะรู้อยู่แล้วล่ะว่า น้ำ เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ร่างกายขาดไม่ได้ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ชอบดื่มน้ำกัน บ้างก็กลัวว่าดื่มน้ำมาก ๆ จะทำให้เข้าห้องน้ำบ่อย หรือเหตุผลอีกต่าง ๆ นานา แต่ขอบอกเลยว่าการที่ไม่ดื่มน้ำทำให้คุณพลาดประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์ของการดื่มน้ำไปอย่างไม่น่าให้อภัยเลยล่ะ ลองไปดูประโยชน์ของการดื่มน้ำกันเลย บอกเลยใครพลาดน่ะน่าเสียดายที่สุด


1. ดื่มน้ำช่วยลดอาการอ่อนเพลีย
สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ร่างกายเกิดการอ่อนเพลียก็คือภาวะขาดน้ำ ดังนั้นการดื่มน้ำจะทำให้ร่างกายภายในชุ่มชื้นขึ้น และลดภาวะขาดน้ำได้ ช่วยให้รู้สึกสดชื่นมีแรงขึ้นกว่าเดิม ใครที่กำลังรู้สึกอ่อนเพลียลองจิบน้ำดูนะคะ รับรองว่าช่วยได้แน่นอน



2. ช่วยให้ลดน้ำหนักได้ผลดียิ่งขึ้น
การดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหารจะช่วยทำให้คุณรู้สึกอิ่มท้องและรับประทานอาหารได้น้อยลง รวมทั้งถ้าหากดื่มน้ำขณะที่กำลังหิว ๆ ละก็ จะช่วยลดความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงเท่านั้น แต่การดื่มน้ำก็ยังช่วยเพิ่มการทำงานของระบบการเผาผลาญอีกด้วยโดยเฉพาะน้ำเย็น สามารถช่วยให้ร่างกายเผาผลาญได้มากขึ้นเยอะเลยล่ะ

3. ขจัดสารพิษในร่างกาย
ไตเป็นอวัยวะที่สำคัญในการขับสารพิษออกจากร่างกาย โดยเมื่อไตกรองสารพิษในของเหลวที่อยู่ในร่างกายแล้วก็จะถูกขับออกมาในรูปแบบต่าง ๆ อาทิเช่น เหงื่อ และปัสสาวะ การดื่มน้ำจะช่วยให้ร่างกายขับสารพิษออกมาได้ดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดการติดเชื้อในท่อปัสสาวะและนิ่วในไตได้

4. บำรุงผิวพรรณ
ถ้าอยากมีผิวพรรณที่ชุ่มชื้นและดูมีน้ำมีนวลละก็ ขอแนะนำให้ดื่มน้ำเลย เพราะน้ำเนี่ยล่ะค่ะที่จะช่วยขับเอาสารพิษต่าง ๆ ออกจากร่างกาย ทำให้ผิวพรรณดีขึ้น แถมยังช่วยให้ผิวพรรณดูอ่อนกว่าวัยอีกด้วย

5. รักษาอาการปวดหัวได้
อาการไมเกรนและปวดหลัง แท้จริงแล้วอาจมีสาเหตุมาจากภาวะขาดน้ำในร่างกายได้ ดังนั้นการดื่มน้ำอย่างเพียงพอนี่ล่ะจะสามารถช่วยลดอาการเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ไม่เชื่อก็ลองดื่มน้ำเยอะ ๆ เวลาปวดหัวดูสิ จะรู้สึกเลยว่าอาการปวดหัวเบาลงเลยล่ะ



6. ป้องกันโรคมะเร็ง
มีการศึกษาหนึ่งพบว่าการดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยลดการอุบัติขึ้นของโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เพราะการดื่มน้ำมาก ๆ จะทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น ซึ่งการปัสสาวะบ่อย ๆ จะช่วยลดการก่อตัวของสารก่อมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะได้ นอกจากนี้การดื่มน้ำอย่างเพียงพอไม่ให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำก็ยังช่วยลดการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเต้านมได้อีกด้วย


7. ป้องกันตะคริว และอาการเคล็ด
ภาวะขาดน้ำส่งผลให้ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและสารหล่อลื่นระหว่างข้อต่อต่าง ๆ ลดน้อยลง จนอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย ดังนั้นการดื่มน้ำจึงจำเป็นต่อกล้ามเนื้อและข้อต่อต่าง ๆ ถ้าไม่อยากเป็นตะคริว หรือเคล็ดขัดยอกตามข้อต่อต่าง ๆ ควรหมั่นดื่มน้ำให้เพียงพออยู่เสมอ




8. ช่วยให้อารมณ์ดี
หลายคนอาจจะแปลกใจว่าการดื่มน้ำช่วยทำให้อารมณ์ได้ด้วยอย่างนั้นหรือ ขอบอกเลยค่ะว่าช่วยได้ เพราะเมื่อเราดื่มน้ำเข้าไปในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย ก็จะช่วยให้ระบบการทำงานต่าง ๆ ภายในทำงานได้เป็นปกติ ลืมไปได้เลยกับอาการผิดปกติต่าง ๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อจิตใจ

9. ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น
การดื่มน้ำจะช่วยละลายไขมันในร่างกายและช่วยให้ไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้นั้นทำงานได้เต็มที่ ส่งผลให้อาการท้องผูกลดลง การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยให้ร่างกายขับถ่ายของเสียออกมาได้ง่าย แต่ถ้าหากดื่มน้ำน้อยเกินไปก็จะทำให้ร่างกายต้องนำน้ำไปใช้ในส่วนอื่นจนทำให้ขับถ่ายได้ยาก เกิดเป็นอาการท้องผูก



10. ดีต่อสุขภาพหัวใจ
มีการศึกษาหนึ่งพบว่าปริมาณน้ำที่ดื่มนั้นมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดโดยการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่าการดื่มน้ำมากขึ้นทำให้ความเสี่ยงโรคหัวใจลดลง แต่การดื่มเครื่องดื่มที่มีพลังงานสูง อย่างเช่นโซดา หรือ น้ำผลไม้ จะทำให้ความเสี่ยงในการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจสูงขึ้นอีกด้วย


11. ช่วยต่อสู้กับอาการป่วย
การดื่มน้ำสามารถช่วยลดอาการคัดจมูกและภาวะขาดน้ำในระหว่างที่ป่วยเป็นไข้หวัดได้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีการศึกษาใดยืนยันอย่างชัดเจนว่าการดื่มน้ำสามารถรักษาไข้หวัดได้ แต่เราก็ควรที่จะดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม



12. สร้างเสริมสมองให้ทำงานดีขึ้น
การศึกษาในเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ พบว่านักศึกษาที่นำน้ำเข้าไปดื่มด้วยในห้องสอบ จะทำข้อสอบได้คะแนนดีกว่า นั่นก็เป็นเพราะว่า น้ำจะช่วยทำให้สมองปลอดโปร่ง ส่งผลต่อการทำงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะในเรื่องของความจำ หรือการคิดประมวลผลต่าง ๆ



13. ช่วยปรับสมดุลของอุณหภูมิในร่างกายขณะที่ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น และการดื่มน้ำในขณะที่ออกกำลังกายจะช่วยให้อุณหภูมิในร่างกายลดลงได้ และช่วยทดแทนของเหลวในร่างกายที่เสียไปจากการขับเหงื่อ แต่ก็ควรจะดื่มน้ำอย่างเหมาะสม โดยค่อย ๆ จิบน้ำหลังจากออกกำลังกาย ไม่ควรดื่มรวดเดียวเพราะอาจจะทำให้เกิดอาการจุกและเป็นอันตรายได้


14. ลดอาการแฮงค์
การดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ และทำให้เกิดอาการแฮงค์ การดื่มน้ำหนึ่งแก้วหลังจากที่คุณจิบแอลกอฮอล์ จะช่วยลดภาวะขาดน้ำได้อีกทางหนึ่ง แถมยังช่วยให้อาการแฮงค์หลังจากดื่มแอลกอฮอล์ลดลงอีกด้วย

15. ประหยัดเงิน
ใช่เลย ! น้ำดื่มเป็นเครื่องดื่มที่ถูกที่สุด หรือบางทีก็ฟรีเสียด้วยซ้ำ ไม่ต้องเสียเงินมากมายเพื่อซื้อเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและไขมันสูง ก็สามารถสดชื่นได้ด้วยน้ำดื่มเพียงแก้วเดียวค่ะ ยิ่งถ้าเป็นน้ำดื่มเย็น ๆ ด้วยละก็ โอ๊ย ลืมไปได้เลยล่ะว่าเคยดื่มน้ำอัดลมหรือกาแฟเย็นพวกนั้น



เห็นข้อดีเจ๋ง ๆ ของการดื่มน้ำแล้ว ก็หันกลับมาดื่มน้ำเปล่ากันดีกว่า ไม่ต้องเสียเงินแถมยังดีต่อสุขภาพแบบนี้ ยิ่งถ้าหากทำร่วมกับการรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย และหมั่นออกกำลังกายด้วยละก็ สุขภาพดี ๆ ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน

ประโยชน์ของอาหารเช้า






ปัจจุบันการดำเนินชีวิตในแต่ละวันที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ หลายคนอาจจะมองข้ามความสำคัญของอาหารเช้าและอาจทำให้หลายคนหลงลืมทาน "อาหารเช้า" ไปด้วยความตั้งใจเพราะมองว่าการรับประทานอาหารตอนเช้าเป็นเรื่องที่เสียเวลา จะมีเพียงไม่กี่คนที่ให้ความสำคัญกับอาหารเช้า วันนี้เราก็เลยนำเอาความรู้ความเข้าใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับความสำคัญที่คุณก็นึกไม่ถึงว่า อาหารเช้าสําคัญอย่างไรกัน แล้วคุณก็จะหันมาให้ความสำคัญกับอาหารเช้าที่คุณเคยมองข้ามได้อย่างง่ายดายเชียว


ประโยชน์ของอาหารเช้า


ช่วยให้ความจำดี
มีการวิจัยพบว่า การรับประทานอาหารเช้ามีส่วนเพิ่มประสิทธิภาพการเรียน การทำงาน ทำให้ระบบความจำ ทักษะการเรียนรู้ และอารมณ์ดีขึ้นด้วย แต่หากใครไม่ทานอาหารเช้าจะมีสมาธิน้อยลงและสมองก็ทำงานได้ไม่เต็มที่


ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานได้
โดยคนที่รับประทานอาหารเช้าจะมีภาวะผิดปกติของฮอร์โมนอินซูลิน หรือที่เรียกว่าภาวะดื้อต่ออินซูลินซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเบาหวานนั้นลดลงถึง 35-50% เลยทีเดียว


ช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้
อาหารเช้าช่วยควบคุมโรคอ้วนและน้ำหนักได้เป็นอย่างดี นั่นเพราะจากมื้อดึกจนถึงเช้าวันใหม่เราอดอาหารมานานเกือบ 12 ชั่วโมง และหากเรายิ่งไม่ทานอาหารเช้าเข้าไปอีกจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลง จนไปเพิ่มแนวโน้มการรับประทานอาหารที่มีพลังงานและไขมันสูงในมื้อเที่ยงมากขึ้นและนี่ก็เป็นสาเหตุให้มีน้ำหนักเกินและโรคอ้วนได้อย่างไม่รู้ตัวอีกด้วย


ลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคหัวใจ
ผลการวิจัยจากสมาคมแพทย์โรคหัวใจในอเมริกาเมื่อปี 2003 พบว่า การรับประทานอาหารเช้าอย่างสม่ำเสมออาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดสมองและโรคหัวใจได้ด้วย เพราะในตอนเช้าเลือดของเรามีความเข้มข้นสูงและทำให้เส้นเลือดที่ส่งไปเลี้ยงสมอง หรือหัวใจอุดตันได้ แต่ถ้ารับประทานอาหารเช้าเข้าไปจะช่วยให้ระดับความเข้มข้นในเลือดเจือจางลงด้วย

ช่วยลดโอกาสเกิดโรคนิ่ว
การไม่รับประทานอาหารนานกว่า 14 ชั่วโมงจะทำให้คอเลสเตอรอลในถุงน้ำดีจับตัวกันนาน หากนาน ๆ ไปสิ่งที่จับตัวกันนั้นจะกลายเป็นก้อนนิ่ว แต่หากเราทานอาหารเช้าเข้าไปล่ะก็ มันจะไปกระตุ้นให้ตับปล่อยน้ำดีออกมาละลายคอเลสเตอรอลที่จับตัวกันอยู่ได้

ช่วยพัฒนาสมอง
สำหรับเด็ก ๆ การอดอาหารเช้าเป็นประจำ อาจทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอส่งผลให้ร่างกายไม่แข็งแรง การเจริญเติบโตไม่เป็นไปตามเกณฑ์และยังส่งผลต่อสติปัญญา ทำให้ขาดสมาธิ ส่งผลเสียในระยะยาวอีกด้วยนะ


ทีนี้เราก็รู้แล้วว่าอาหารเช้ามีประโยชน์มากมายขนาดไหน ยังไงก็จะต้องจัดสรรเวลาที่เร่งรีบและมีน้อยนิดนี้ แบ่งออกมาเพื่อรับประทานอาหารมื้อเช้าของเรากันแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

"ออมตามวันที่"...ไอเดียเก็บเงินง่าย ๆ ที่นักเรียน-นักศึกษาทำได้ชัวร์ !



แชร์ประสบการณ์ออมเงินในแบบฉบับนักเรียน-นักศึกษา หยอดกระปุกตามวันที่ ภายใน 1 ปี จะเห็นตัวเลขเงินออมน่าตกใจ



จะเก็บเงินให้ได้ต้องเลือกวิธีออมที่เหมาะกับตัวเองด้วยนะคะ ถ้าวันนี้เรายังเป็นนักเรียน-นักศึกษาที่ไม่มีรายได้อะไร เราอาจสู้กับวิธีหยอดกระปุกแบบเพิ่มจำนวนเงินทุก ๆ วันไม่ไหว แต่ถ้าลองเปลี่ยนมา "ออมเงินตามวันที่" ดูล่ะ อย่างที่ คุณพระสนมนางใน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอมทดลองทำดูแล้ว จนเห็นว่าการออมเงินแบบนี้ง่าย แถมตัวเราเองก็ไม่ได้เดือดร้อนด้วย หยอดกระปุกทุกวันแบบขำ ๆ ผ่านไป 1 ปี ก็ได้เงินเป็นกอบเป็นกำอย่างไม่น่าเชื่อ อ่านแล้วลองหยิบไอเดียนี้ไปทำตามได้เลยจ้า





ออมตามวันไม่ไหว "ออมตามวันที่" เอาแล้วกัน โดย คุณพระสนมนางใน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม


สวัสดีค่ะ เป็นการตั้งกระทู้ในห้องนี้ครั้งแรก หลังจากส่งกระทู้รุ่นเก๋า ๆ มานาน อยากแบ่งปันวิธีการออมเงินในฉบับนักศึกษาที่ยังเรียนอยู่จ้า อันนี้เป็นการออมเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนเล่นเกมขำ ๆ ทุกวัน ไอเดียนี้ก็มาจากในเน็ตนี่แหละจ้า แต่เอามาปรับปรุงตามความเหมาะสม ถ้าไปซ้ำกับใครก็ขออภัยด้วยจ้า


...ในเน็ตเขาออมตามวัน ตาย ๆๆ ถ้าสิ้นปี เอาเงินที่ไหนมาหยอดวันนึง 200-300 บาท กรี๊ดดดด กินเกลือแน่นอน (แต่ถ้าทำได้ก็จะดีมาก ๆ เช่นกันจ้า) แต่วิธีนี้จะง่ายกว่านั้นนั่นคือ "ออมตามวันที่"
...วิธีการก็คือ เขียนวันที่ให้ครบในแต่ละเดือนต่อไปนี้ (ปีนี้เริ่มช้าไปหน่อย) เขียนไว้แค่ 4 เดือน :3 แต่ถ้าใครไม่เขียนก็พรินท์จากจากคอมก็ได้จ้ะ ง่ายดี ^_^




...จากนั้นก็เริ่มเลย วันที่ 1 ก็หยอด 1 บาท วันที่ 2 ก็หยอด 2 บาท ไปเรื่อย ๆ พอวันที่ 30 ก็ 30 บาท พอขึ้นเดือนใหม่ วันที่ 1 ก็หยอด 1 บาท วนไป (หยอดเกินก็ได้แล้วแต่ศรัทธา 5555)





...วิธีการนี้อาจทำให้เงินออมของเราน้อยกว่าวิธีอื่นๆ แต่ก็เป็นวิธีออมวิธีหนึ่งที่สร้างสีสัน ให้เราสนุกและไม่เครียดกับการออมเงิน วิธีนี้เหมาะมากสำหรับนักเรียนนักศึกษา ที่ได้รับเงินค่าขนมจากพ่อแม่ และยังไม่รู้วิธีเริ่มต้นการออมว่าจะเก็บเงินยังไงดี วิธีนี้ก็เป็นทางเลือกที่ดีค่ะ ^_^





คำนวณดูว่า ในแต่ละเดือนจะได้กี่บาท


● มกราคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท
● กุมภาพันธ์ : 28 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 406 บาท
● มีนาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท
● เมษายน : 30 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 465 บาท
● พฤษภาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท
● มิถุนายน : 30 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 465 บาท
● กรกฎาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท
● สิงหาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท
● กันยายน : 30 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 465 บาท
● ตุลาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท
● พฤศจิกายน : 30 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 465 บาท
● ธันวาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บา
● กุมภาพันธ์ : 28 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 406 บาท
● มีนาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท
● เมษายน : 30 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 465 บาท
● พฤษภาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท
● มิถุนายน : 30 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 465 บาท
● กรกฎาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท
● สิงหาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท
● กันยายน : 30 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 465 บาท
● ตุลาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท
● พฤศจิกายน : 30 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 465 บาท
● ธันวาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท


รวมตลอดปี 5,738 บาท ว้าวววววววว

เก็บเล่น ๆ ขำ ๆ ได้ขนาดนี้เลยหรอ เราหมดค่าของกิน เครื่องสำอาง เสื้อผ้า ไปไม่รู้เท่าไร หยอดตามวันที่ อาจไม่ยาก แต่ที่ยาก คือความสม่ำเสมอต่างหาก


...หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับน้อง ๆ เพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคน ไม่มากก็น้อยนะคะ (นี่มันคำลงท้ายคำนำรายงานหรือเปล่า 555)

10 เหตุผลที่ว่า ทำไมเราจึงต้องเรียนภาษาอังกฤษ!? รู้ไว้ดีกว่านะ….

คงจะไม่มีใครปฏิเสธว่า ภาษาอังกฤษ ถือว่ามีความจำเป็นและสำคัญต่อการใช้ชีวิตในโลกยุคอนาคต เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องดีที่เราควรจะศึกษาให้เรียนรู้และเข้าใจนั่นเอง วันนี้เราเลยมีความสำคัญ 10 ข้อของการเรียนภาษาอังกฤษมาฝากกัน….






1 ภาษาอังกฤษคือภาษาที่เป็นทางการของโลก ถึงแม้ว่าภาษาจีนจะมีคนพูดมากที่สุดก็ตาม


2 เพิ่มโอกาสของการได้งานดีๆ และมีรายได้มากขึ้น


3 ภาษาอังกฤษ ถูกใช้เป็นทางการในกว่า 53 ประเทศทั่วโลก


4 มีคนกว่า 400 ล้านคนทั่วโลก พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่


5 ในแวดวงสื่อแล้ว ยังคงใช้ภาษาอังกฤษในการนำเสนอและติดต่อสื่อสารเป็นหลัก


6 ในอินเตอร์เน็ตก็เช่นกัน ภาษาอังกฤษยังคงเป็นภาษาหลักของโลกอินเตอร์เน็ต


7 ภาษาอังกฤษเรียนรู้ง่าย เพราะมีตัวอักษรเพียงแค่ 26 ตัว (หลายคนบอกว่าไม่จริง มันยากจะตาย -*-)


8 การเรียนรู้ภาษา จะช่วยให้เกิดความภูมิใจที่ได้เรียนและเข้าใจภาษาใหม่ๆ


9 ในหลายๆโรงเรียน สถาบัน และมหาวิทยาลัยทั่วโลก เปิดสอนสาขาวิชาต่างๆเป็นภาษาอังกฤษเพิ่มมากขึ้น แม้ประเทศนั้นจะไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักก็ตาม


10 ได้เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ ของประเทศนั้นผ่านภาษา โดยไม่ใช่ประเทศอังกฤษหรือสหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียว


ทั้ง 10 ข้อนี้ก็เป็นเหตุผลที่ช่วยให้เราได้เข้าใจมากขึ้น ว่าทำไมภาษาอังกฤษจึงสำคัญ และทำไมเราควรเรียนรู้เอาไว้ ยังไงซะการรู้หลายๆภาษาก็ย่อมได้เปรียบกว่ารู้ภาษาเดียวนั่นเองล่ะ….

อาชีพอิสระมีอะไรบ้าง ประเภทของอาชีพอิสระที่น่าสนใจ


อาชีพอิสระมีอะไรบ้าง 


ทุกวันนี้แนวโน้มการประกอบอาชีพอิสระมีมากขึ้น เพราะคนต้องการเป็นอิสระจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น อิสระจากการเป็นมนุษย์เงินเดือน อิสระจากรายได้ทางเดียว อิสระจากหนี้สิน และอีกหลายสาเหตุที่อยากทำให้ชีวิตการเป็นอยู่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามก่อนตัดสินใจเลือกประกอบ อาชีพอิสระ ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ จะเลือกอาชีพอะไรจำเป็นต้องมีความรู้ การวางแผนที่ดี และเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น



ประเภทของอาชีพอิสระมีอะไรบ้าง


อาชีพอิสระมีอะไรบ้าง ถ้าจะให้แบ่งเป็นหมวดหลักๆแล้วก็มี “การให้บริการ การค้าขาย และการรับจ้าง” ไม่ว่าจะเป็นหมวดหมู่ไหนย่อมเป็นงานที่ท้าทายเพราะต้องเป็นนายของตัวเอง หากใจไม่สู้ หรือสู้แต่อดทนไม่พอก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ แต่ถ้ามีความอดทนสูง มีความตั้งใจไม่ย่อท้อและพัฒนาตนเองอยู่เสมอก็สามารถสร้างรายได้ไม่ยาก


อาชีพอิสระประเภทการให้บริการ


การให้บริการบางอย่างไม่มีตัวผลิตภัณฑ์ แต่จะเน้นไปที่ความพึงพอใจของลูกค้าซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของทุกๆธุรกิจ เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับ “การสร้างความประทับใจ” ธุรกิจใดที่ลูกค้าประทับใจย่อมได้เปรียบคู่แข่ง เมื่อลูกค้าต้องการใช้บริการเค้าจะคิดถึงเราเป็นคนแรกและเลือกที่จะใช้บริการกับเราไปตลอด ตัวอย่างอาชีพอิสระประเภทการให้บริการมีดังนี้


ร้านนวดสปา
ร้านเสริมสวย ทำเล็บ ทำผม
บริการซัก – รีด
สอนพิเศษ
บริการหลังการขาย


อาชีพอิสระประเภทการค้าขาย


อาชีพค้าขายเป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นภาพได้ง่ายที่สุด และเริ่มต้นได้ง่ายที่สุดด้วย “อาชีพค้าขายสิ่งที่ต้องการคือกำไร” เราอาจจะซื้อของมาแล้วขายไปเพื่อหวังกำไรส่วนต่างหรืออาจจะผลิตเองเพื่อขาย ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าเราจะขายอะไร การค้าขายจะว่าเริ่มต้นยากก็ยาก จะว่าเริ่มต้นง่ายมันก็ง่าย ปัจจัยที่สำคัญคือ “ทำเล ทุน และกลุ่มลูกค้า” ก่อนจะขายอะไรจำเป็นต้องหาข้อมูลก่อนว่าเราจะขายอะไร ขายให้ใคร และขายที่ไหน ตัวอย่างอาชีพอิสระประเภทการค้าขายมีดังนี้


เปิดร้านอาหาร
ขายเสื้อผ้า
ขายเครื่องสำอาง
ขายขายของตามตลาดนัด
เพาะพันธ์ปลาขาย
ปลูกผักขาย


อาชีพอิสระประเภทงานรับจ้าง


เป็นอาชีพที่ใช้เงินลงทุนน้อยเมื่อเทียบกับการค้าขาย เพราะไม่จำเป็นต้องซื้อของมาสต๊อก หรือถ้าซื้อก็จำนวนน้อย แต่สิ่งสำคัญที่ต้องมีคือ “ความสามารถ” ซึ่งเป็นความสามารถเฉพาะเจาะจงที่เอามาสร้างรายได้ได้ เช่นบางคนเก่งภาษาอังกฤษก็รับจ้างแปลเอกสาร บางคนมีพรสวรรค์ในการเย็บปักถักร้อยก็รับจ้างทำงานประดิษฐ์อย่างนี้เป็นต้น เรียกได้ว่าใช้ความสามารถก่อให้เกิดประโยชน์โดยแท้จริง


รับจ้างตัดเย็บเสื้อผ้า
รับจ้างถ่ายภาพวันรับปริญญา งานบวช งานแต่งงาน
รับจ้างแต่งหน้า
รับจ้างทำความสะอาดบ้าน
ทำกรอบรูป
รับทำงานประดิษฐ์
ซ่อมมอเตอไซต์
รับจ้างแปลเอกสาร


คุณสมบัติของผู้ที่จะประกอบอาชีพอิสระ


ไม่ว่าจะเลือกอาชีพอะไรสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องมีความรู้ความสามารถในระดับหนึ่ง และมีความเข้าใจในอาชีพนั้นๆด้วย เพราะการประกอบอาชีพอิสระ คือ การประกอบกิจการส่วนตัวที่ไม่มีเงินเดือนมารองรับ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเดือนนี้จะมีรายได้เท่าไหร่ บางเดือนอาจจะรายได้ดีแต่บางเดือนอาจไม่ดี สิ่งสำคัญจึงต้องมีความรู้ และมีความขยัน ต้องอดทนและรู้จักการแก้ปัญหาอย่างรอบคอบ เพื่อเตรียมพร้อมกับทุกสภาวะที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต


พร้อมแล้วหรือยัง? กับอาชีพอิสระ


อาชีพอิสระมีอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเล็กหรือใหญ่หากเราเตรียมตัวให้พร้อมก็ไม่ยากเกินความพยายาม การประกอบอาชีพอิสระไม่ใช่เรื่องง่าย ถือว่าเป็นงานที่ท้าทาย แต่ถ้าเตรียมตัวมาดีก็ทำให้มีอิสระในการกำหนดรูปแบบชีวิตของตัวเอง ไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร อาจจะไม่มีเงินเดือนที่แน่นอน แต่ผลตอบแทนที่ได้รับอาจคุ้มค่ากว่ามนุษย์เงินเดือนคนอื่นๆก็เป็นได้

ตำนานพญานาค เรื่องเล่าขานสู่ปัจจุบัน



            


ตํานานพญานาค มีความเป็นมาอย่างไร วันนี้เรามี เรื่องเล่าพญานาค มีจริงหรือไม่ มาดูกัน




หากพูดถึงเรื่องราวของ พญานาค สัตว์ในตำนาน เชื่อว่าหลายคนคุ้นชื่อจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ในคืนวัน 15 ค่ำเดือน 11 อีกทั้งมักมีข่าวรอยประหลาดที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นรอยพญานาคปรากฏอยู่บ่อยครั้ง รวมไปถึงมีการนำมาสร้างเป็นละครเพื่อความบันเทิง เรียกได้ว่าเป็นความเชื่อที่สั่งสมมาช้านาน จากเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้หลายคนอยากรู้ถึงความจริงที่มีการถกเถียงกันมานานว่า พญานาคมีจริงหรือไม่ และเรื่องเล่า ตำนานที่มีมาแต่โบราณเป็นอย่างไร ซึ่งวันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลที่ครอบคลุมทุกเรื่องราวของพญานาคมาฝากกัน



ตำนานพญานาค

     นาค หรือ พญานาค มีลักษณะคือ เป็นงูใหญ่มีหงอน สัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ ความมีวาสนา และนาคยังเป็นสัญลักษณ์ของบันไดสายรุ้งสู่จักรวาล นาคเป็นเทพเจ้าแห่งท้องน้ำ บางแห่งก็ว่าเป็นเทพเจ้าแห่งฟ้า ตำนานความเชื่อเรื่องพญานาคมีความเก่าแก่มาก ดูท่าว่าจะเก่ากว่าพุทธศาสนาอีกด้วย

ทั้งนี้ จากการสืบค้นได้ว่าตำนานพญานาคมีต้นกำเนิดมาจากอินเดียใต้ ด้วยเหตุจากภูมิประเทศทางอินเดียใต้เป็นป่าเขาจึงทำให้มีงูอยู่ชุกชุม และด้วยเหตุที่งูนั้นลักษณะทางกายภาพ คือ มีพิษร้ายแรง งูจึงเป็นสัตว์ที่มนุษย์ให้การนับถือว่ามีอำนาจ ชาวอินเดียใต้จึงนับถืองูเป็นสัตว์เทวะชนิดหนึ่งในเทพนิยายและตำนานพื้นบ้าน บ้างก็ว่าเป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ มีความเชื่อเรื่องพญานาคแพร่หลายในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วทวีปเอเชีย โดยเรียกชื่อต่าง ๆ กัน


ลักษณะของพญานาคตามความเชื่อในแต่ละภูมิภาคจะแตกต่างกันไป แต่พื้นฐาน คือ พญานาค ลักษณะตัวเป็นงูตัวใหญ่มีหงอนสีทองและตาสีแดง เกล็ดเหมือนปลามีหลายสีแตกต่างกันไปตามบารมี บ้างก็มีสีเขียว บ้างก็มีสีดำ หรือบ้างก็มี 7 สี และที่สำคัญคือ นาคตระกูลธรรมดาจะมีเศียรเดียว แต่ตระกูลที่สูงขึ้นไปนั้นจะมีสามเศียร ห้าเศียร เจ็ดเศียรและเก้าเศียร นาคจำพวกนี้จะสืบเชื้อสายมาจาก พญาเศษนาคราช (อนันตนาคราช) ผู้เป็นบัลลังก์ของพระวิษณุนารายณ์ปรมนาท ณ เกษียณสมุทร อนันตนาคราชนั้นเล่ากันว่ามีกายใหญ่โตมหึมามีความยาวไม่สิ้นสุด มีพันศีรษะ พญานาคนั้นมีทั้งเกิดในนำและบนบก เกิดจากครรภ์และจากไข่ มีอิทธิฤทธิ์สามารถบันดาลให้เกิดคุณและโทษได้ นาคนั้นมักจะแปลงร่างเป็นมนุษย์รูปร่างสวยงาม

ตระกูลของนาค

นาคเป็นเจ้าแห่งงู แต่ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ แต่ก็จัดอยู่ฝ่ายสุคติภูมิ อยู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา นาคแบ่ง ออกเป็น 4 ตระกูลใหญ่ คือ
- ตระกูลวิรูปักษ์ พญานาคตระกูลสีทอง
- ตระกูลเอราปถ พญานาคตระกูลสีเขียว
- ตระกูลฉัพพยาปุตตะ พญานาคตระกูลสีรุ้ง
- ตระกูลกัณหาโคตมะ พญานาคตระกูลสีดำ



พญานาคเกิดได้ทั้ง 4 แบบ คือ
1. แบบโอปปาติกะ เกิดแล้วโตทันที
2. แบบสังเสทชะ เกิดจากเหงื่อไคล สิ่งหมักหมม
3. แบบชลาพุชะ เกิดจากครรภ์
4. แบบอัณฑชะ เกิดจากฟองไข่
พญานาคชั้นสูงเกิดแบบโอปปาติกะ เป็นชนชั้นปกครอง ที่อยู่ของพญานาคมีตั้งแต่ในแม่น้ำ หนอง คลอง บึงต่างๆ ในอากาศ จนไปถึงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา พวกพญานาคอยู่ในการปกครองของท้าววิรูปักษ์ ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้านทิศตะวันตก เหตุที่มาเกิดเป็นพญานาคเพราะทำบุญเจือด้วยราคะ




ตำนานความเชื่อเรื่องนาคให้น้ำ

        พญานาค เป็นสัญลักษณ์แห่งธาตุน้ำ "นาคให้น้ำ" เป็นเกณฑ์ที่ชาวบ้านรู้และเข้าใจดี ที่ใช้วัดในแต่ละปี จำนวนนาคให้น้ำมีไม่เกิน 7 ตัว ถ้าปีไหนอุดมสมบูรณ์มีน้ำมากเรียกว่า "นาคให้น้ำ 1 ตัว" แต่หากปีไหนแห้งแล้งเรียกว่าปีนั้น "มีนาคให้น้ำ 7 ตัว" จะวัดกลับกันกับจำนวนนาค ก็คือที่น้ำหายไป เกิดความแห้งแล้งนั้นก็เพราะ พญานาคเกี่ยงกันให้น้ำ แต่ละตัวจึงกลืนน้ำไว้ในท้องไม่ยอมพ่นน้ำลงมา


ความเชื่อเรื่องพญานาคในดินแดนต่าง ๆ ของไทย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ


       นาคล้วนมีส่วนร่วมในตำนานอย่างชัดเจน เช่น ผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำโขงเชื่อว่า แม่น้ำโขงเกิดจากการแถตัวของพญานาค นอกจากนี้ยังรวมถึงบั้งไฟพญานาค โดยมีตำนานว่าในวันออกพรรษาหรือเป็นวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พญานาคแห่งแม่น้ำโขงต่างชื่นชมยินดี จึงเฮ็ด(จุด)บั้งไฟถวายการเสด็จกลับของพระพุทธเจ้าจนกลายเป็นประเพณีทุกปี และเนื่องจากเชื่อว่าพญานาคเป็นเจ้าบาดาล เป็นผู้ให้กำเนิดน้ำ ดังนั้นเมื่อชาวนาจะทำพิธีแรกไถนา จึงต้องดูวัน เดือน ปี และทิศที่จะบ่ายหน้าควายเพื่อไม้ให้ควายลากไถไปในทิศที่ทวนเกล็ดนาค ไม่อย่างนั้นการทำนาจะเกิดอุปสรรคต่างขึ้น



       สำหรับลูกไฟแดงอมชมพู ที่พุ่งขึ้นจากแม่น้ำโขง สู่ท้องฟ้าในวันออกพรรษา ที่บริเวณเขต อ.โพนพิสัย เห็นจนชินและเรียกสิ่งนี้ว่า "บั้งไฟพญานาค" เพราะลูกไฟที่ว่านี้จะเป็นลูกไฟ สีแดงอมชมพู ไม่มีเสียงไม่มีควัน ไม่มีเปลว ขึ้นตรง ไม่โค้งและตกลงมาเหมือนลูกไฟทั่วไป จะดับกลางอากาศ สังเกตได้ง่ายจากลูกไฟทั่วไป จะเกิดขึ้นในเขตตั้งแต่ บริเวณค่าย ตชด.(อ่างปลาบึก), วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่, ท่าน้ำวัดหลวง ต.วัดหลวง เรื่อยลงไปจนถึง เขตบ้านน้ำเป กิ่ง อ.รัตนวาปี แต่ก่อนจะเห็นเกิดขึ้นเฉพาะท่าน้ำวัดหลวง, วัดจุมพล, วัดไทย และท่าน้ำวัดจอมนาง อ.โพนพิสัยแต่ทุกวันนี้จะเห็นเกิดที่บ้านน้ำเป, บ้านท่าม่วง, ตาลชุม, ปากคาด และ แก่งอาฮง อ.บึงกาฬ



       อย่างไรก็ดี นับว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ และเป็นสิ่งมหัศจรรย์แห่งลุ่มแม่น้ำโขงที่แท้จริง เพราะลูกไฟประหลาดที่เรียกว่า "บั้งไฟพญานาค" นี้เกิดขึ้นเฉพาะในเขต จ.หนองคายเท่านั้น ตามแนวแม่น้ำโขง ไม่มีขึ้นที่อื่นแม้จะอยู่ตามริมแม่น้ำโขงเช่นกัน จึงนับได้ว่าหนองคายกับเวียงจันทน์ สมัยก่อนนั้นการปกครองและการสร้างเมืองโดยพญานาค จึงได้รับอิทธิพลนี้เช่นกัน ถึงแม้ว่าจะถูกแยกการปกครอง และแยกประเทศออกจากกัน แต่ในความเป็นจริงทางภูมิศาสตร์ก็เป็นพื้นที่เดียวกัน ตำนานประเพณีต่าง ๆ ของคนแถบลุ่มแม่น้ำโขง จะเกี่ยวข้องกับพญานาคกันทั้งนั้น เพราะพญานาค หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ทางการเกษตร และความเป็นอยู่ของมนุษย์



เรื่องเล่าขาน ใต้เมืองโพนพิสัยจ.หนองคาย


       ลักษณะของอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคายที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ด้านหัวเมืองจะมีลำห้วยหลวงไหลออกมา เรียกว่า ปากห้วยหลวง ตรงข้ามกับอำเภอโพนพิสัย คือ บ้านโดน ที่ขึ้นกับเมืองปากงึม ทุกวันนี้มีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับเมืองบาดาลที่เชื่อว่าอยู่ใต้อำเภอโพนพิสัย ว่า ในหน้าแล้งจะมีหาดทรายขึ้นกลางแม่น้ำโขง แต่บริเวณอำเภอโพนพิสัยหาดทรายนี้จะขึ้นอยู่ฝั่งลาว บริเวณบ้านโดน วันหนึ่งในหน้าแล้งตอนเที่ยงวัน ได้มีหญิงสาวชาวบ้านโดนคนหนึ่ง ได้ลงมาตักน้ำเพื่อไปดื่ม โดยมีกระป๋องน้ำ(หาบครุ)ลงมาที่หาดทราย เพราะบริเวณนั้นมีน้ำออกบ่อ(น้ำริน)เมื่อลงมาแล้วได้หายไป ชาวบ้านลงมาเห็นแต่กระป๋องน้ำ (หาบครุ) พ่อ แม่ ต่างก็ตามหากันแต่ไม่พบ จนครบ 7 วัน เมื่อไม่เห็นลูกสาว และคิดว่าลูกสาวคงจมน้ำตายแล้ว จึงได้พร้อมกับญาติพี่น้อง ชาวบ้านจัดทำบุญอุทิศให้ ในตอนกลางคืนก็มีหมอลำสมโภช



       จนเวลาต่อมาเวลาประมาณเที่ยงคืน ลูกสาวคนที่เข้าใจว่าจมน้ำตาย ก็ปรากฏตัวขึ้นที่บ้าน ขณะที่ชาวบ้านกำลังฟังหมอลำกันอยู่ ทำให้ญาติพี่น้องแตกตื่นกันเป็นอย่างมาก บางคนก็วิ่งหนีเพราะคิดว่าเจอผีหลอกเข้า สุดท้ายลูกสาวจึงได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง หลังจากที่ตั้งสติได้ และแล้วญาติพี่น้องก็เข่ามาร่วมวงนั่งฟัง หญิงสาวเล่าให้ทุกคนฟังว่า "วันนั้นอากาศร้อนมาก น้ำดื่มหมดโอ่ง เมื่อลงไปเพื่อจะตักน้ำ เมื่อวางกระป๋องน้ำ(หาบครุ) ปรากฏว่าเห็นมีหมู เหมือนกับว่าได้ยกเท้าหน้าเรียกให้เข้าไปหา ตนได้เดินเข้าไปหา แล้วหมูตัวนั้นก็บอกว่าให้หลับตา จะพาลงไปเมืองบาดาล พอหลับตาได้สักครู่ หมูตัวนั้นก็บอกให้ลืมตา



       เมื่อลืมตาขึ้นปรากฏว่าตนมาอยู่อีกเมืองหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับเมืองมนุษย์ มีดิน มีบ้านเรือนเรียงรายกันอยู่ แต่จะมีแปลกก็ตรงที่ ทุกคนจะนุ่งผ้าแดง และมีผ้าพันศีรษะเป็นสีแดงเหมือนกัน โดยด้านหน้าจะปล่อยให้ผ้าแดงห้อยลงเหมือนกับหัวงู เมื่อเดินตามชายคนนั้น (กลับร่างหมู กลายเป็นคน) ก็มีชาวบ้านถามกันว่า นำมนุษย์ลงมาทำไม (เพราะกลิ่นมนุษย์ต่างกับเมืองบาดาล) ชายคนนั้นก็บอกว่าพามาเที่ยวดูเมือง



       จากนั้นชายคนนั้นเดินไปเรื่อย ๆ เมื่อแหงนหน้ามองดูท้องฟ้ากลับปรากฏว่าเป็นสีน้ำตาลอ่อน ๆ เหมือนสีขุ่น ๆ ของน้ำ ชายคนนั้นได้บอกหญิงสาวว่า นี่เป็นเมืองบาดาล และเป็นเมืองหน้าด่าน ส่วนตัวเมืองหลวงนั้นยังอยู่อีกไกล และชาวเมืองจะมีงานสมโภชเมื่อถึงวันออกพรรษาของเมืองมนุษย์ ซึ่งถือว่าตลอด 3 เดือน ที่เข้าพรรษานั้นเหล่าชาวเมืองที่นี่ก็จะจำศีลปฏิบัติธรรมเพื่อเป็นการบูชาพระพุทธเจ้า หลังจากที่เดินชมเมืองอยู่ไม่นาน ชายคนนั้นก็ได้นำขึ้นมาส่ง โดยการเดินมาทางเดิม ก็เป็นการเดินมาเรื่อย ๆ แต่ได้ขึ้นมายืนอยู่บริเวณหาดทรายเหมือนเดิม แล้วก็ได้ขึ้นมาหาพ่อ แม่ นี้ จากการเล่าของลูกสาว พ่อ แม่ ญาติพี่น้องจึงได้จัดงานทำบุญทำพิธีสู่ขวัญ เพื่อเป็นการต้อนรับขวัญให้กับลูกสาว ต่อมาอีก 7 วัน ลูกสาวก็ได้เจ็บป่วยและเสียชีวิตในที่สุด







วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559

ประจวบเหมาะพอดี















































ประจวบเหมาะพอดี




ทริปนี้ก็เป็นอีกทริปที่นั่งรถไฟฟรีจากกรุงเทพ(หัวลำโพง)ไปเที่ยว แบบว่างบน้อยมากๆ ทริปนี่เรากับเพื่อนๆเดินทางกันสี่คน ว่างงานตรงกันชวนกันปุ๊บไปกันปั๊บ เราออกเดินทางด้วยรถไฟรอบเวลา 07:30 น.เดินทางมายังหัวหินถึงหัวหินประมาณบ่ายสองโมง จุดหมายปลายทางของเราครั้งนี้คือ ประจวบคีรีขันธ์และเขาล้อมหมวก กองบิน 5 พอถึงปุ๊บก็เดินเล่นสำรวจเมืองสักนิดหน่อยและก็เดินหาโรงแรม จนในที่สุดก็มาได้ที่โรงแรมเมื่อทำการเช็คอินเข้าที่พัก ล้างหน้าล้างตาก้ได้เวลาเดินไปดูพระอาทิตย์ตกที่วัดเขาช่องกระจก ระหว่างทางเดินสังเกตตลอดว่าลิงเยอะมากๆๆๆกว่าจะลงมาจากเขาช่องก็จกก็มืดค่ำและก็มุ่งหน้าหาอะไรกินที่ตลาดโต้รุ่งก็เข้าที่พัก รุ่งเช้าเลยเดินเล่นริมชายหาดไปเรื่อยๆผ่านบ้านไม้เก่าๆ ตลาดสด ก่อนหาอะไรกิน แล้วช่วง9โมงก็ไปขึ้นเขาล้อมหมวกเล่นเอาเหนื่อยกว่าจะลงมาก็บ่ายสามเกือบบ่ายสี่ แล้วขี่มอไซชิวๆริมหาดไป ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพตอนหกโมงเย็นด้วยรถตู้ 220 บาท หมดงบประมาณไปทั้งสิ้นคนละ 1000 บาท ไม่เกินนี้



เริ่มทริปกันแบบนั่งรถไฟฟรีไปตามเคย เพียงใช้แค่บัตรประชาชนยื่นเท่านั้นแล้วต้องรีบขึ้นไปจองที่นั่งก่อนจะเต็ม



พูดไม่ทันขาดคำที่นั่งก็เต็มซะละ ฮ่าๆ ก็พากันยืนไปตลอดทาง กว่าจะถึง...






นั่งกินลมชมวิว รับบรรยากาศธรรมชาติๆกันให้เต็มปอดกันเลยทีเดียว



พอถึงประจวบ สิ่งแรกที่หาคือเช่ามอไซต์ขี่ให้ทั่วเมือง จนลืมไปว่าต้องหาที่พักก่อน




ฟังเสียงคลื่นกระทบฟัง พากันนั่งมองไปที่ยอดเขาตรงข้ามที่เป็นจุดมุ่งหมายในการมาปีนเขา...




สถานที่แรกที่ไปคือวัดเขาช่องกระจก ที่มีบันไดชัน200กว่าขั้น




ระหว่างทางก็จะมีเจ้าลิงหลายตัวมาก สิ่งที่ต้องระวังคือของมีค่า ไม่งั้นโดนมันแย่งแน่ๆ


พอถึงยอดวัดเขากระจกเพื่อจะมาถ่ายรูปกัน ดันมีเมฆฝนกำลังมาพอดี




ตกเย็นก็มาเดินเล่นที่สะพานปลา จุดที่ถ่ายรูปสวยอีกที่นึงเลย


พักท้องๆกันบ้าง อาหารทะเลอยากบอกว่าสดมาก

กลางคืนก็มานั่งจิบไรเย็นๆริมทะเล บรรยากาศฟินมากอ่ะ บอกเลย...


ตื่นเช้าของอีกวัน ก็มารับบรรยากาศรุ่งแสงของวัน


ตลาดเช้าของประจวบ ที่อาหารเช้าถูกและอร่อยมาก


หัวใจของทริปนี้คือยอดเขาแห่งนี้ เขาล้อมเมือง









ถึงจนได้สุดยอดเขาลำเนาไพร ขาอย่างสั่น...

เ ห ล่ า ผู้ พิ ชิ ต ...


จากสิ่งที่เห็นแดดมีความร้อนมากวันที่ไป

ก่อนกลับก็มาดูพระอาทิตย์ตกดินละก็กลับกรุงเทพกันแบบทริป งง อ้าวต้องกลับกันล้ะหรอ


วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2559

รถไฟขบวนนำเที่ยวน้ำตกไทรโยคน้อย

ออกเดินทางกัน

กาญจนบุรี เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ใกล้กับกรุงเทพ สามารถเที่ยวภายใน  1 วัน ได้แบบสบาย  มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม  มาเที่ยวเมืองกาญรับรองเที่ยวคุ้ม เที่ยวครบมีสถานที่ที่น่าสนใจ ที่สามารถเที่ยวในวันเดียวด้วยรถไฟขบวนนำเที่ยวน้ำตกไทรโยคน้อย เป็นเที่ยวขบวนพิเศษ ในราคาที่ประหยัดไป-กลับ คนละ 120 บาทเท่านั้น
ซื้อตั๋วมุ่งหน้าไปน้ำตกไทรโยคน้อย จากสถานีหัวลำโพง ออกเวลา 06.30 น. เวลากลับถึงกรุงเทพ 20.35 น. ซึ่งก็จะถึงช้ากว่าปกติ 1 ชั่วโมง
โดยนั่งรถไฟขบวน 909 ที่เป็นขบวนพิเศษซึ่งจะต้องนำนักท่องเที่ยวไปที่น้ำตกไทรโยคน้อย มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติในขบวนเดียวกัน
การนั่งไปก็จะมีที่นั่งประจำทั้งขาไปและขากลับ เป็นรถไฟชั้น3 หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "แอร์กี่"นั่นเอง ฮ่าๆ




ประมาณ 8.00 น. ก็จะให้นักท่องเที่ยวแวะลงที่พระปฐมเจดีย์ ที่จ.นครปฐม ให้เวลา20นาที

ตลอดการลงเดิน 20 นาที ก็จะพระบิณฑบาตรตลอดเส้นตลาดก่อนถึงพระปฐมเจดีย์

สำหรับบางคนไม่เคยนั่งรถจักรยานปั่นสามล้อ ก็สามารถใช้บริการได้ท่านละ 20 บาทเท่านั้นเอง

พอถึงพระปฐมเจดย์ก็จะมีการถวานสังฆทานทำบุญ ช่วงที่ผมไปมีการทำโรงทาน อาหารอร่อยมากนะ


ตลอดการเดินทาง ก็จะมีธรรมชาติโดยรอบเส้นทาง ให้คนเมืองกรุงที่ออกไปสูดอากาศได้ถ่ายเทกัน
ประมาณ10.10 น. ก็ถึงสะพานแควใหญ่ ให้นักท่องเที่ยวได้แวะถ่ายรูปคนละ 30 นาที







สำหรับคนที่ตกรถไฟนำเที่ยวน้ำตกก็สามารถมารอขึ้นรถไฟฟรีที่จะไปน้ำตกได้เหมือนกันน้ะ (ซึ่งผมตกขวบนนำเที่ยว ฮ่าๆ)
พอได้ตั๋วฟรี ก็ต้องรีบขึ้นมาหาที่นั่งให้เร็วที่สุดไม่งั้นได้ยืนจนกว่าจะมีที่นั่ง ช่วงที่ไปมีนักศึกษามหิดลเหมา4ขบวนไปรับน้องที่กาญพอดี


สำหรับคนที่ชื่นชอบการล่องแพสามารถลงสถานีได้ตามสะดวก ขอบอกว่าบรรยากาศดีมากนะ




 
พอเจ้าสถานีประกาศว่าจะถึงไคแมค คือสะพานสายมรณะ นักท่องเที่ยวก็รีบหามุมเพื่อจะได้มาดูสะพานสายนี้กันทันที
ณ เวลานี้ประมาณ 12.30 น. ที่ถึงสะพานสายมรณะ ที่ต้องเดินกันอย่างระมัดระวังอย่างมาก
จุดนี้เป็นจุดที่ถ่ายรูปสวยที่สุดตลอดเส้นทางการเดินทาง กับเป็นจุดที่เสี่ยงที่สุดตลอดเส้นทางด้วย...

 
ถึงจนได้สุดเส้นทางคือที่หมาย น้ำตกไทรโยคน้อย เวลา 14.00 น. มีเวลาให้เยอะหน่อย 40 นาที
นี่คือสิ่งที่ทุกคนทั้งขบวนต่างคิดเหมือนกัน ในการเตรียมเสื้อผ้ามารอกระโดดน้ำเล่นน้ำตกที่แสนจะสงบกัน
ผมตามรีวิวมา บอกน้ำลึก น้ำวน ระวังน้ำป่าไหลหลาก


แต่สิ่งที่ผมและนักท่องเที่ยวพบเจอ ก็ถูกตามที่มีคนรีวิวไว้นะ น้ำตกมีความเงียบสงบมากกกก ...ฮ๋าๆ

รถไฟหัวจักรไอน้ำคันแรกของไทย ที่ญี่ปุ่นมอบให้แก่เมืองกาญ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง


บรรยากาศที่แสนจะสดชื่นเหมาะแก่การสูดให้เต็มปอดก่อนที่จะเข้ามาสูดควันเมืองกรุงควันและฝุ่นมากมาย(เกี่ยวมั้ย)


นี่คือ สุสานทหารพันธมิตร
ในตัวเมืองกาญจนบุรีมีสุสานทหารพันธมิตรซึ่งสร้างไว้เป็นอนุสรณ์สถาน ได้แก่ สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก ตั้งอยู่ริมถนนแสงชูโต ก่อนจะเข้าตัวเมือง สุสานแห่งนี้เป็นสุสานของเชลยศึกสัมพันธมิตรที่เสียชีวิตในระหว่างการสร้างทางรถไฟสายมรณะ อีกหนึ่งแห่ง คือ สุสานทหารสัมพันธมิตรช่องไก่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแควบรรจุศพทหารเชลยศึกซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารอังกฤษ ประมาณ 1,740 หลุม




รอบที่ผมไปโชคดีฝนไม่ตก เลยได้แวะสุสานแห่งนี้ เป็นเวลา 20 นาที ก่อนที่จะขึ้นรถไฟกลับเมืองกรุง
ระหว่างทางตอนกลับ ก็จะมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของที่เป็นสินค้าโอท๊อป ซึ่งแต่ละอย่างอยากจะบอกว่าอร่อยจริงๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะอร่อยแบบนั้นหรือเพราะบนรถไฟไม่มีอะไรให้กิน พอได้กินเลยอร่อยไปหมดไม่รู้ ฮ่าๆๆ
 
 
  • ปล. -ถ่ายรูปด้วยกล้องโทรศัพท์ตลอดเส้นทาง อาจไม่สวยแต่ขอพื้นที่เก็บบรรยากาศมาฝากนะ
  •       -call-center รฟท. เบอร์ 1690 นะครับ โดยผมก็โทรสำรองที่นั่ง ถามถึงเส้นทาง ทริปแต่ละทริปมีรายละเอียดไม่เหมือนกันนะ
  •        ใครที่ว่างๆไม่มีอะไรทำ ก็แนะนำให้สะพายเป้ละมาออกเดินทางกันเนอะ คือผมชอบนั่งรถไฟ อาจจะช้าหรือร้อน
           แต่ระหว่างทางมันก็ทำให้เราได้คิดอะไรเยอะดี นั่งมองวิวข้างทางสุดท้ายจริงๆแล้ว
ข้อแนะนำ การนั่งรถไฟสายมรณะ กาญจนบุรี
  • เตรียมน้ำดื่ม ขนม ของกินจากบ้านไปมากๆ
  • อ่านหนังสือ ฟังเพลง พอเพิ่มความอิน
  • เตรียมเพลง เตรียมแบต เตรียมหนังสือไปอ่านบนรถไฟได้เลย
  • ใครอยากฝึกภาษาอังกฤษ แนะนำไปกับรถขบวนนี้ มีทั้งฝรั่ง คนจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น โดยสารมาด้วย
  • ที่น้ำตกไทรโยคน้อย ใครมีเวลาให้เดินขึ้นไปข้างบนต่อรถมอไซค์อีก 20 บาท จะเจอกับบ่อพุต้นน้ำ ตรงนั้นมีร้านอาหารน้ำเยอะและดีกว่าเล่นข้างล่าง
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านครับ  คราวหน้าจะเตรียมพร้อมมากกว่านี้ ฮืออ... ลาก่อนกาญ