วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

โทษของน้ำอัดลม มีอะไรบ้างนะ




น้ำอัดลมกลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของคนไทยเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะรู้สึกกระหาย อยากคลายร้อน หลายคนมักจะนึกน้ำอัดลมแทบทุกคนเรียกได้ว่าเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ แต่ถึงแม้ว่าน้ำอัดลมจะดื่มแล้วทำให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้นแต่คุณหรือไม่ว่าโทษของน้ำอัดลมนั้น มีผลเสียกับร่างกายอย่างไรบ้างโดยเฉพาะกับผู้ชอบดื่มน้ำอัดลมเป็นชีวิตจิตใจแทบจะดื่มแทนน้ำเปล่าในแต่ละวันนั้นควรจะต้องอ่านเป็นอย่างยิ่ง





การดื่มน้ำอัดลมนั้นแน่นอนว่าส่วนใหญ่แล้วมักจะชอบดื่มน้ำอัดลมเย็นๆ หรือน้ำอัดลมใส่น้ำแข็ง ซึ่งต่ำกว่าอุณหภูมิปกติในร่างกายเรามากทำให้ประสิทธิในการย่อยอาหารน้อยลงหรือย่อยยากขึ้น



โทษของน้ำอัดลม


- ทำให้กระดูกพรุน ฟันผุ ทั้งนี้เพราะในน้ำอัดลมีกรดฟอสฟอริกซึ่งเกิดจากฟอสฟอรัสจากกำมะถัน ในเลือดของคนเรานั้นมีสัดสัดที่ต้องการแคลเซียม 2 ต่อ ฟอสฟอรัส 1 และเมื่อเราดื่มน้ำอัดลมมากเกินไปจะทำให้เลือดของเรามีปริมาณฟอสฟอรัสมากเกินไปทำให้เกิดการเสียสมดุลทำให้ร่างกายจะต้องไปดึงแคลเซียมจากกระดูกมาใช้ เมื่อกระดูกขาดแคลเซียมไปจึงทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน นอกจากนี้คาเฟอีนที่อยู่ในน้ำอัดลมนั้นทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้นจึงทำให้ร่างกายสูญเสียแคลเซียมจากการปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น


- โรคอ้วน ปริมาณน้ำตาลที่เราควรรับประทานต่อวันคือ 24 กรัม แต่ในน้ำอัดลม1 กระป๋องมีน้ำตาลมากถึง 30 กรัม เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นการดื่มน้ำอัดลมมากเกินไปอาจจะทำให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพเพราะได้รับปริมาณน้ำตาลเข้าไปในร่างกายมากเกินไปซึ่งอาจจะทำให้เป็นโรคอ้วน เบาหวาน ดังนั้นควรลดการดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำหวานให้น้อยลงเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นของคุณ


- กรดคาร์บอนิกในน้ำอัดลม ซึ่งเป็นกรดที่ทำให้น้ำอัดลมมีฟอง ซ่า กรดคาร์บอนิกนั้นสามารถย่อยมีฤทธิ์กัดกร่อยย่อยสลายหินปูนได้ ฉะนั้นกรดคาร์บอนิกจึงสามารถทำให้ฟันผุและกระดูกพรุนได้เช่นกัน


- นอนไม่หลับ ใจสั่น มือสั่น เนื่องจากฤทธิ์ของคาเฟอีนที่เป็นองค์ประกอบในน้ำอัดลมไปกระตุ้นระบบประสาทนั่นเอง



- ท้องอืด ปวดท้อง แน่นท้อง เป็นโรคกระเพาะ

ออกกำลังกายร่วมกับใช้ชีวิตอย่างมีความสุข




ออกกำลังกายร่วมกับใช้ชีวิตอย่างมีความสุข





การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีที่ใครๆ ต่างก็ได้รับข้อมูลมาทั้งจากแพทย์และสื่อต่างๆ แต่จะทำอย่างไรให้ออกำลังกายได้อย่างมีคุณภาพและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข





ออกกำลังกายอย่างมีคุณภาพ โดยให้ได้ทั้งเรื่องรูปร่างและเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย ตามหลักการจากสมาคมเบาหวานฯ ได้แนะนำเกี่ยวกับการออกกำลังกายว่า



• ควรทำอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือออกกำลังกายระดับหนัก เช่น แข่งฟุตบอล อย่างน้อย 75 นาทีต่อสัปดาห์ และควรเพิ่มการเคลื่อนไหวของร่างกายจากการทำกิจวัตรประจำวัน รวมถึงลดการนั่งอยู่กับที่นานเกิน 90 นาที



• ออกกำลังกล้ามเนื้อ เช่น ยกน้ำหนัก เกร็งกล้ามเนื้อ โดยเลือกกล้ามเนื้อมัดใหญ่อย่างน้อย 2 วันต่อสัปดาห์



• ก่อนและหลังออกกำลังกายควรยืดเหยียดกล้ามเนื้อแต่ละส่วน เช่น คอ ไหล่ แขน เข่า ขา เพื่อลดการบาดเจ็บ และอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อ





การออกกำลังกายแต่ละครั้งอย่างน้อย ก็ควรจะให้เหนื่อยต่อเนื่องอย่างน้อย 30 นาที ถ้าพูดง่ายๆ คือเหนื่อยจนพูดได้เพียงเป็นคำแล้วกันนะครับ





เข้าใจสรีระตัวเอง แต่ละคนมีรูปร่างต่างกัน ทำให้การเริ่มออกกำลังกายเป็นไปได้ยากง่ายแตกต่างกัน ถ้าอยากจะหุ่นดีแบบดาราหรือนักกีฬาคงต้องใช้เวลาเป็นเดือนถึงเป็นปี ต้องคุมอาหารอย่างจริงจัง ออกกำลังกายหนักกว่าที่กล่าวมาข้างต้นเยอะในช่วงเวลาที่จำกัด แต่มันเป็นอาชีพของเขาครับ


สำหับคนทั่วไปการออกกำลังกายตามคำแนะนำข้างต้นอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างพอดี ก็เพียงพอแล้วที่จะใส่เสื้อผ้าแล้วดูดี มีสุขภาพที่ดี ทั้งนี้การรับประทานอาหารเป็นความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตมนุษย์ จึงไม่มีกฎตายตัวในการคุมอาหารสำหรับคนที่ไม่ได้เป็นโรค ผมคงใช้แค่คำว่า “พอดี พอควร” แล้วกันครับ


การแบ่งเวลาคือกุญแจสำคัญที่สุด ใน 1 อาทิตย์ การออกกำลังกาย เช่น วิ่ง 30 นาที 5 วัน อาจุดูเหมือนนาน แต่ถ้าเราฟังเพลงไปด้วยก็เหมือนใช้เวลาฟังเพลง 5-6 เพลง พักอีก 30 นาที รวมแล้วใช้เวลาไป 1 ชั่วโมง ซึ่งในชีวิตจริง เวลา 1 ชั่วโมง คุยกับเพื่อน เล่นมือถือก็หมดไปอย่างรวดเร็วแล้วครับ พิจารณาดูแล้วยังเหลือเวลาใช้ความสุขกับชีวิตอีกเยอะ หากสามารถวางแผนแบ่งเวลาได้อย่างเหมาะสม ก็สามารถใช้ชีวิตพัฒนาตนเองได้อย่างมีคุณภาพแล้ว

ประโยชน์ของการดื่มน้ำ


  

ประโยชนช์ของการดื่มน้ำ เคยได้ยินกันมานานแล้วว่าการดื่มน้ำดีต่อสุขภาพร่างกาย แต่ดีขนาดไหน เราจะเผยความจริงให้คุณรู้ !

เชื่อว่าทุกคนก็คงจะรู้อยู่แล้วล่ะว่า น้ำ เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ร่างกายขาดไม่ได้ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ชอบดื่มน้ำกัน บ้างก็กลัวว่าดื่มน้ำมาก ๆ จะทำให้เข้าห้องน้ำบ่อย หรือเหตุผลอีกต่าง ๆ นานา แต่ขอบอกเลยว่าการที่ไม่ดื่มน้ำทำให้คุณพลาดประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์ของการดื่มน้ำไปอย่างไม่น่าให้อภัยเลยล่ะ ลองไปดูประโยชน์ของการดื่มน้ำกันเลย บอกเลยใครพลาดน่ะน่าเสียดายที่สุด


1. ดื่มน้ำช่วยลดอาการอ่อนเพลีย
สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ร่างกายเกิดการอ่อนเพลียก็คือภาวะขาดน้ำ ดังนั้นการดื่มน้ำจะทำให้ร่างกายภายในชุ่มชื้นขึ้น และลดภาวะขาดน้ำได้ ช่วยให้รู้สึกสดชื่นมีแรงขึ้นกว่าเดิม ใครที่กำลังรู้สึกอ่อนเพลียลองจิบน้ำดูนะคะ รับรองว่าช่วยได้แน่นอน



2. ช่วยให้ลดน้ำหนักได้ผลดียิ่งขึ้น
การดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหารจะช่วยทำให้คุณรู้สึกอิ่มท้องและรับประทานอาหารได้น้อยลง รวมทั้งถ้าหากดื่มน้ำขณะที่กำลังหิว ๆ ละก็ จะช่วยลดความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงเท่านั้น แต่การดื่มน้ำก็ยังช่วยเพิ่มการทำงานของระบบการเผาผลาญอีกด้วยโดยเฉพาะน้ำเย็น สามารถช่วยให้ร่างกายเผาผลาญได้มากขึ้นเยอะเลยล่ะ

3. ขจัดสารพิษในร่างกาย
ไตเป็นอวัยวะที่สำคัญในการขับสารพิษออกจากร่างกาย โดยเมื่อไตกรองสารพิษในของเหลวที่อยู่ในร่างกายแล้วก็จะถูกขับออกมาในรูปแบบต่าง ๆ อาทิเช่น เหงื่อ และปัสสาวะ การดื่มน้ำจะช่วยให้ร่างกายขับสารพิษออกมาได้ดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดการติดเชื้อในท่อปัสสาวะและนิ่วในไตได้

4. บำรุงผิวพรรณ
ถ้าอยากมีผิวพรรณที่ชุ่มชื้นและดูมีน้ำมีนวลละก็ ขอแนะนำให้ดื่มน้ำเลย เพราะน้ำเนี่ยล่ะค่ะที่จะช่วยขับเอาสารพิษต่าง ๆ ออกจากร่างกาย ทำให้ผิวพรรณดีขึ้น แถมยังช่วยให้ผิวพรรณดูอ่อนกว่าวัยอีกด้วย

5. รักษาอาการปวดหัวได้
อาการไมเกรนและปวดหลัง แท้จริงแล้วอาจมีสาเหตุมาจากภาวะขาดน้ำในร่างกายได้ ดังนั้นการดื่มน้ำอย่างเพียงพอนี่ล่ะจะสามารถช่วยลดอาการเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ไม่เชื่อก็ลองดื่มน้ำเยอะ ๆ เวลาปวดหัวดูสิ จะรู้สึกเลยว่าอาการปวดหัวเบาลงเลยล่ะ



6. ป้องกันโรคมะเร็ง
มีการศึกษาหนึ่งพบว่าการดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยลดการอุบัติขึ้นของโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เพราะการดื่มน้ำมาก ๆ จะทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น ซึ่งการปัสสาวะบ่อย ๆ จะช่วยลดการก่อตัวของสารก่อมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะได้ นอกจากนี้การดื่มน้ำอย่างเพียงพอไม่ให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำก็ยังช่วยลดการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเต้านมได้อีกด้วย


7. ป้องกันตะคริว และอาการเคล็ด
ภาวะขาดน้ำส่งผลให้ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและสารหล่อลื่นระหว่างข้อต่อต่าง ๆ ลดน้อยลง จนอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย ดังนั้นการดื่มน้ำจึงจำเป็นต่อกล้ามเนื้อและข้อต่อต่าง ๆ ถ้าไม่อยากเป็นตะคริว หรือเคล็ดขัดยอกตามข้อต่อต่าง ๆ ควรหมั่นดื่มน้ำให้เพียงพออยู่เสมอ




8. ช่วยให้อารมณ์ดี
หลายคนอาจจะแปลกใจว่าการดื่มน้ำช่วยทำให้อารมณ์ได้ด้วยอย่างนั้นหรือ ขอบอกเลยค่ะว่าช่วยได้ เพราะเมื่อเราดื่มน้ำเข้าไปในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย ก็จะช่วยให้ระบบการทำงานต่าง ๆ ภายในทำงานได้เป็นปกติ ลืมไปได้เลยกับอาการผิดปกติต่าง ๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อจิตใจ

9. ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น
การดื่มน้ำจะช่วยละลายไขมันในร่างกายและช่วยให้ไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้นั้นทำงานได้เต็มที่ ส่งผลให้อาการท้องผูกลดลง การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยให้ร่างกายขับถ่ายของเสียออกมาได้ง่าย แต่ถ้าหากดื่มน้ำน้อยเกินไปก็จะทำให้ร่างกายต้องนำน้ำไปใช้ในส่วนอื่นจนทำให้ขับถ่ายได้ยาก เกิดเป็นอาการท้องผูก



10. ดีต่อสุขภาพหัวใจ
มีการศึกษาหนึ่งพบว่าปริมาณน้ำที่ดื่มนั้นมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดโดยการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่าการดื่มน้ำมากขึ้นทำให้ความเสี่ยงโรคหัวใจลดลง แต่การดื่มเครื่องดื่มที่มีพลังงานสูง อย่างเช่นโซดา หรือ น้ำผลไม้ จะทำให้ความเสี่ยงในการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจสูงขึ้นอีกด้วย


11. ช่วยต่อสู้กับอาการป่วย
การดื่มน้ำสามารถช่วยลดอาการคัดจมูกและภาวะขาดน้ำในระหว่างที่ป่วยเป็นไข้หวัดได้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีการศึกษาใดยืนยันอย่างชัดเจนว่าการดื่มน้ำสามารถรักษาไข้หวัดได้ แต่เราก็ควรที่จะดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม



12. สร้างเสริมสมองให้ทำงานดีขึ้น
การศึกษาในเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ พบว่านักศึกษาที่นำน้ำเข้าไปดื่มด้วยในห้องสอบ จะทำข้อสอบได้คะแนนดีกว่า นั่นก็เป็นเพราะว่า น้ำจะช่วยทำให้สมองปลอดโปร่ง ส่งผลต่อการทำงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะในเรื่องของความจำ หรือการคิดประมวลผลต่าง ๆ



13. ช่วยปรับสมดุลของอุณหภูมิในร่างกายขณะที่ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น และการดื่มน้ำในขณะที่ออกกำลังกายจะช่วยให้อุณหภูมิในร่างกายลดลงได้ และช่วยทดแทนของเหลวในร่างกายที่เสียไปจากการขับเหงื่อ แต่ก็ควรจะดื่มน้ำอย่างเหมาะสม โดยค่อย ๆ จิบน้ำหลังจากออกกำลังกาย ไม่ควรดื่มรวดเดียวเพราะอาจจะทำให้เกิดอาการจุกและเป็นอันตรายได้


14. ลดอาการแฮงค์
การดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ และทำให้เกิดอาการแฮงค์ การดื่มน้ำหนึ่งแก้วหลังจากที่คุณจิบแอลกอฮอล์ จะช่วยลดภาวะขาดน้ำได้อีกทางหนึ่ง แถมยังช่วยให้อาการแฮงค์หลังจากดื่มแอลกอฮอล์ลดลงอีกด้วย

15. ประหยัดเงิน
ใช่เลย ! น้ำดื่มเป็นเครื่องดื่มที่ถูกที่สุด หรือบางทีก็ฟรีเสียด้วยซ้ำ ไม่ต้องเสียเงินมากมายเพื่อซื้อเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและไขมันสูง ก็สามารถสดชื่นได้ด้วยน้ำดื่มเพียงแก้วเดียวค่ะ ยิ่งถ้าเป็นน้ำดื่มเย็น ๆ ด้วยละก็ โอ๊ย ลืมไปได้เลยล่ะว่าเคยดื่มน้ำอัดลมหรือกาแฟเย็นพวกนั้น



เห็นข้อดีเจ๋ง ๆ ของการดื่มน้ำแล้ว ก็หันกลับมาดื่มน้ำเปล่ากันดีกว่า ไม่ต้องเสียเงินแถมยังดีต่อสุขภาพแบบนี้ ยิ่งถ้าหากทำร่วมกับการรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย และหมั่นออกกำลังกายด้วยละก็ สุขภาพดี ๆ ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน

ประโยชน์ของอาหารเช้า






ปัจจุบันการดำเนินชีวิตในแต่ละวันที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ หลายคนอาจจะมองข้ามความสำคัญของอาหารเช้าและอาจทำให้หลายคนหลงลืมทาน "อาหารเช้า" ไปด้วยความตั้งใจเพราะมองว่าการรับประทานอาหารตอนเช้าเป็นเรื่องที่เสียเวลา จะมีเพียงไม่กี่คนที่ให้ความสำคัญกับอาหารเช้า วันนี้เราก็เลยนำเอาความรู้ความเข้าใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับความสำคัญที่คุณก็นึกไม่ถึงว่า อาหารเช้าสําคัญอย่างไรกัน แล้วคุณก็จะหันมาให้ความสำคัญกับอาหารเช้าที่คุณเคยมองข้ามได้อย่างง่ายดายเชียว


ประโยชน์ของอาหารเช้า


ช่วยให้ความจำดี
มีการวิจัยพบว่า การรับประทานอาหารเช้ามีส่วนเพิ่มประสิทธิภาพการเรียน การทำงาน ทำให้ระบบความจำ ทักษะการเรียนรู้ และอารมณ์ดีขึ้นด้วย แต่หากใครไม่ทานอาหารเช้าจะมีสมาธิน้อยลงและสมองก็ทำงานได้ไม่เต็มที่


ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานได้
โดยคนที่รับประทานอาหารเช้าจะมีภาวะผิดปกติของฮอร์โมนอินซูลิน หรือที่เรียกว่าภาวะดื้อต่ออินซูลินซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเบาหวานนั้นลดลงถึง 35-50% เลยทีเดียว


ช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้
อาหารเช้าช่วยควบคุมโรคอ้วนและน้ำหนักได้เป็นอย่างดี นั่นเพราะจากมื้อดึกจนถึงเช้าวันใหม่เราอดอาหารมานานเกือบ 12 ชั่วโมง และหากเรายิ่งไม่ทานอาหารเช้าเข้าไปอีกจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลง จนไปเพิ่มแนวโน้มการรับประทานอาหารที่มีพลังงานและไขมันสูงในมื้อเที่ยงมากขึ้นและนี่ก็เป็นสาเหตุให้มีน้ำหนักเกินและโรคอ้วนได้อย่างไม่รู้ตัวอีกด้วย


ลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคหัวใจ
ผลการวิจัยจากสมาคมแพทย์โรคหัวใจในอเมริกาเมื่อปี 2003 พบว่า การรับประทานอาหารเช้าอย่างสม่ำเสมออาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดสมองและโรคหัวใจได้ด้วย เพราะในตอนเช้าเลือดของเรามีความเข้มข้นสูงและทำให้เส้นเลือดที่ส่งไปเลี้ยงสมอง หรือหัวใจอุดตันได้ แต่ถ้ารับประทานอาหารเช้าเข้าไปจะช่วยให้ระดับความเข้มข้นในเลือดเจือจางลงด้วย

ช่วยลดโอกาสเกิดโรคนิ่ว
การไม่รับประทานอาหารนานกว่า 14 ชั่วโมงจะทำให้คอเลสเตอรอลในถุงน้ำดีจับตัวกันนาน หากนาน ๆ ไปสิ่งที่จับตัวกันนั้นจะกลายเป็นก้อนนิ่ว แต่หากเราทานอาหารเช้าเข้าไปล่ะก็ มันจะไปกระตุ้นให้ตับปล่อยน้ำดีออกมาละลายคอเลสเตอรอลที่จับตัวกันอยู่ได้

ช่วยพัฒนาสมอง
สำหรับเด็ก ๆ การอดอาหารเช้าเป็นประจำ อาจทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอส่งผลให้ร่างกายไม่แข็งแรง การเจริญเติบโตไม่เป็นไปตามเกณฑ์และยังส่งผลต่อสติปัญญา ทำให้ขาดสมาธิ ส่งผลเสียในระยะยาวอีกด้วยนะ


ทีนี้เราก็รู้แล้วว่าอาหารเช้ามีประโยชน์มากมายขนาดไหน ยังไงก็จะต้องจัดสรรเวลาที่เร่งรีบและมีน้อยนิดนี้ แบ่งออกมาเพื่อรับประทานอาหารมื้อเช้าของเรากันแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

"ออมตามวันที่"...ไอเดียเก็บเงินง่าย ๆ ที่นักเรียน-นักศึกษาทำได้ชัวร์ !



แชร์ประสบการณ์ออมเงินในแบบฉบับนักเรียน-นักศึกษา หยอดกระปุกตามวันที่ ภายใน 1 ปี จะเห็นตัวเลขเงินออมน่าตกใจ



จะเก็บเงินให้ได้ต้องเลือกวิธีออมที่เหมาะกับตัวเองด้วยนะคะ ถ้าวันนี้เรายังเป็นนักเรียน-นักศึกษาที่ไม่มีรายได้อะไร เราอาจสู้กับวิธีหยอดกระปุกแบบเพิ่มจำนวนเงินทุก ๆ วันไม่ไหว แต่ถ้าลองเปลี่ยนมา "ออมเงินตามวันที่" ดูล่ะ อย่างที่ คุณพระสนมนางใน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอมทดลองทำดูแล้ว จนเห็นว่าการออมเงินแบบนี้ง่าย แถมตัวเราเองก็ไม่ได้เดือดร้อนด้วย หยอดกระปุกทุกวันแบบขำ ๆ ผ่านไป 1 ปี ก็ได้เงินเป็นกอบเป็นกำอย่างไม่น่าเชื่อ อ่านแล้วลองหยิบไอเดียนี้ไปทำตามได้เลยจ้า





ออมตามวันไม่ไหว "ออมตามวันที่" เอาแล้วกัน โดย คุณพระสนมนางใน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม


สวัสดีค่ะ เป็นการตั้งกระทู้ในห้องนี้ครั้งแรก หลังจากส่งกระทู้รุ่นเก๋า ๆ มานาน อยากแบ่งปันวิธีการออมเงินในฉบับนักศึกษาที่ยังเรียนอยู่จ้า อันนี้เป็นการออมเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนเล่นเกมขำ ๆ ทุกวัน ไอเดียนี้ก็มาจากในเน็ตนี่แหละจ้า แต่เอามาปรับปรุงตามความเหมาะสม ถ้าไปซ้ำกับใครก็ขออภัยด้วยจ้า


...ในเน็ตเขาออมตามวัน ตาย ๆๆ ถ้าสิ้นปี เอาเงินที่ไหนมาหยอดวันนึง 200-300 บาท กรี๊ดดดด กินเกลือแน่นอน (แต่ถ้าทำได้ก็จะดีมาก ๆ เช่นกันจ้า) แต่วิธีนี้จะง่ายกว่านั้นนั่นคือ "ออมตามวันที่"
...วิธีการก็คือ เขียนวันที่ให้ครบในแต่ละเดือนต่อไปนี้ (ปีนี้เริ่มช้าไปหน่อย) เขียนไว้แค่ 4 เดือน :3 แต่ถ้าใครไม่เขียนก็พรินท์จากจากคอมก็ได้จ้ะ ง่ายดี ^_^




...จากนั้นก็เริ่มเลย วันที่ 1 ก็หยอด 1 บาท วันที่ 2 ก็หยอด 2 บาท ไปเรื่อย ๆ พอวันที่ 30 ก็ 30 บาท พอขึ้นเดือนใหม่ วันที่ 1 ก็หยอด 1 บาท วนไป (หยอดเกินก็ได้แล้วแต่ศรัทธา 5555)





...วิธีการนี้อาจทำให้เงินออมของเราน้อยกว่าวิธีอื่นๆ แต่ก็เป็นวิธีออมวิธีหนึ่งที่สร้างสีสัน ให้เราสนุกและไม่เครียดกับการออมเงิน วิธีนี้เหมาะมากสำหรับนักเรียนนักศึกษา ที่ได้รับเงินค่าขนมจากพ่อแม่ และยังไม่รู้วิธีเริ่มต้นการออมว่าจะเก็บเงินยังไงดี วิธีนี้ก็เป็นทางเลือกที่ดีค่ะ ^_^





คำนวณดูว่า ในแต่ละเดือนจะได้กี่บาท


● มกราคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท
● กุมภาพันธ์ : 28 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 406 บาท
● มีนาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท
● เมษายน : 30 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 465 บาท
● พฤษภาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท
● มิถุนายน : 30 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 465 บาท
● กรกฎาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท
● สิงหาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท
● กันยายน : 30 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 465 บาท
● ตุลาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท
● พฤศจิกายน : 30 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 465 บาท
● ธันวาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บา
● กุมภาพันธ์ : 28 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 406 บาท
● มีนาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท
● เมษายน : 30 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 465 บาท
● พฤษภาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท
● มิถุนายน : 30 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 465 บาท
● กรกฎาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท
● สิงหาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท
● กันยายน : 30 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 465 บาท
● ตุลาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท
● พฤศจิกายน : 30 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 465 บาท
● ธันวาคม : 31 วัน เก็บตามวันที่ ได้ 496 บาท


รวมตลอดปี 5,738 บาท ว้าวววววววว

เก็บเล่น ๆ ขำ ๆ ได้ขนาดนี้เลยหรอ เราหมดค่าของกิน เครื่องสำอาง เสื้อผ้า ไปไม่รู้เท่าไร หยอดตามวันที่ อาจไม่ยาก แต่ที่ยาก คือความสม่ำเสมอต่างหาก


...หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับน้อง ๆ เพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคน ไม่มากก็น้อยนะคะ (นี่มันคำลงท้ายคำนำรายงานหรือเปล่า 555)

10 เหตุผลที่ว่า ทำไมเราจึงต้องเรียนภาษาอังกฤษ!? รู้ไว้ดีกว่านะ….

คงจะไม่มีใครปฏิเสธว่า ภาษาอังกฤษ ถือว่ามีความจำเป็นและสำคัญต่อการใช้ชีวิตในโลกยุคอนาคต เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องดีที่เราควรจะศึกษาให้เรียนรู้และเข้าใจนั่นเอง วันนี้เราเลยมีความสำคัญ 10 ข้อของการเรียนภาษาอังกฤษมาฝากกัน….






1 ภาษาอังกฤษคือภาษาที่เป็นทางการของโลก ถึงแม้ว่าภาษาจีนจะมีคนพูดมากที่สุดก็ตาม


2 เพิ่มโอกาสของการได้งานดีๆ และมีรายได้มากขึ้น


3 ภาษาอังกฤษ ถูกใช้เป็นทางการในกว่า 53 ประเทศทั่วโลก


4 มีคนกว่า 400 ล้านคนทั่วโลก พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่


5 ในแวดวงสื่อแล้ว ยังคงใช้ภาษาอังกฤษในการนำเสนอและติดต่อสื่อสารเป็นหลัก


6 ในอินเตอร์เน็ตก็เช่นกัน ภาษาอังกฤษยังคงเป็นภาษาหลักของโลกอินเตอร์เน็ต


7 ภาษาอังกฤษเรียนรู้ง่าย เพราะมีตัวอักษรเพียงแค่ 26 ตัว (หลายคนบอกว่าไม่จริง มันยากจะตาย -*-)


8 การเรียนรู้ภาษา จะช่วยให้เกิดความภูมิใจที่ได้เรียนและเข้าใจภาษาใหม่ๆ


9 ในหลายๆโรงเรียน สถาบัน และมหาวิทยาลัยทั่วโลก เปิดสอนสาขาวิชาต่างๆเป็นภาษาอังกฤษเพิ่มมากขึ้น แม้ประเทศนั้นจะไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักก็ตาม


10 ได้เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ ของประเทศนั้นผ่านภาษา โดยไม่ใช่ประเทศอังกฤษหรือสหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียว


ทั้ง 10 ข้อนี้ก็เป็นเหตุผลที่ช่วยให้เราได้เข้าใจมากขึ้น ว่าทำไมภาษาอังกฤษจึงสำคัญ และทำไมเราควรเรียนรู้เอาไว้ ยังไงซะการรู้หลายๆภาษาก็ย่อมได้เปรียบกว่ารู้ภาษาเดียวนั่นเองล่ะ….

อาชีพอิสระมีอะไรบ้าง ประเภทของอาชีพอิสระที่น่าสนใจ


อาชีพอิสระมีอะไรบ้าง 


ทุกวันนี้แนวโน้มการประกอบอาชีพอิสระมีมากขึ้น เพราะคนต้องการเป็นอิสระจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น อิสระจากการเป็นมนุษย์เงินเดือน อิสระจากรายได้ทางเดียว อิสระจากหนี้สิน และอีกหลายสาเหตุที่อยากทำให้ชีวิตการเป็นอยู่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามก่อนตัดสินใจเลือกประกอบ อาชีพอิสระ ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ จะเลือกอาชีพอะไรจำเป็นต้องมีความรู้ การวางแผนที่ดี และเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น



ประเภทของอาชีพอิสระมีอะไรบ้าง


อาชีพอิสระมีอะไรบ้าง ถ้าจะให้แบ่งเป็นหมวดหลักๆแล้วก็มี “การให้บริการ การค้าขาย และการรับจ้าง” ไม่ว่าจะเป็นหมวดหมู่ไหนย่อมเป็นงานที่ท้าทายเพราะต้องเป็นนายของตัวเอง หากใจไม่สู้ หรือสู้แต่อดทนไม่พอก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ แต่ถ้ามีความอดทนสูง มีความตั้งใจไม่ย่อท้อและพัฒนาตนเองอยู่เสมอก็สามารถสร้างรายได้ไม่ยาก


อาชีพอิสระประเภทการให้บริการ


การให้บริการบางอย่างไม่มีตัวผลิตภัณฑ์ แต่จะเน้นไปที่ความพึงพอใจของลูกค้าซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของทุกๆธุรกิจ เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับ “การสร้างความประทับใจ” ธุรกิจใดที่ลูกค้าประทับใจย่อมได้เปรียบคู่แข่ง เมื่อลูกค้าต้องการใช้บริการเค้าจะคิดถึงเราเป็นคนแรกและเลือกที่จะใช้บริการกับเราไปตลอด ตัวอย่างอาชีพอิสระประเภทการให้บริการมีดังนี้


ร้านนวดสปา
ร้านเสริมสวย ทำเล็บ ทำผม
บริการซัก – รีด
สอนพิเศษ
บริการหลังการขาย


อาชีพอิสระประเภทการค้าขาย


อาชีพค้าขายเป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นภาพได้ง่ายที่สุด และเริ่มต้นได้ง่ายที่สุดด้วย “อาชีพค้าขายสิ่งที่ต้องการคือกำไร” เราอาจจะซื้อของมาแล้วขายไปเพื่อหวังกำไรส่วนต่างหรืออาจจะผลิตเองเพื่อขาย ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าเราจะขายอะไร การค้าขายจะว่าเริ่มต้นยากก็ยาก จะว่าเริ่มต้นง่ายมันก็ง่าย ปัจจัยที่สำคัญคือ “ทำเล ทุน และกลุ่มลูกค้า” ก่อนจะขายอะไรจำเป็นต้องหาข้อมูลก่อนว่าเราจะขายอะไร ขายให้ใคร และขายที่ไหน ตัวอย่างอาชีพอิสระประเภทการค้าขายมีดังนี้


เปิดร้านอาหาร
ขายเสื้อผ้า
ขายเครื่องสำอาง
ขายขายของตามตลาดนัด
เพาะพันธ์ปลาขาย
ปลูกผักขาย


อาชีพอิสระประเภทงานรับจ้าง


เป็นอาชีพที่ใช้เงินลงทุนน้อยเมื่อเทียบกับการค้าขาย เพราะไม่จำเป็นต้องซื้อของมาสต๊อก หรือถ้าซื้อก็จำนวนน้อย แต่สิ่งสำคัญที่ต้องมีคือ “ความสามารถ” ซึ่งเป็นความสามารถเฉพาะเจาะจงที่เอามาสร้างรายได้ได้ เช่นบางคนเก่งภาษาอังกฤษก็รับจ้างแปลเอกสาร บางคนมีพรสวรรค์ในการเย็บปักถักร้อยก็รับจ้างทำงานประดิษฐ์อย่างนี้เป็นต้น เรียกได้ว่าใช้ความสามารถก่อให้เกิดประโยชน์โดยแท้จริง


รับจ้างตัดเย็บเสื้อผ้า
รับจ้างถ่ายภาพวันรับปริญญา งานบวช งานแต่งงาน
รับจ้างแต่งหน้า
รับจ้างทำความสะอาดบ้าน
ทำกรอบรูป
รับทำงานประดิษฐ์
ซ่อมมอเตอไซต์
รับจ้างแปลเอกสาร


คุณสมบัติของผู้ที่จะประกอบอาชีพอิสระ


ไม่ว่าจะเลือกอาชีพอะไรสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องมีความรู้ความสามารถในระดับหนึ่ง และมีความเข้าใจในอาชีพนั้นๆด้วย เพราะการประกอบอาชีพอิสระ คือ การประกอบกิจการส่วนตัวที่ไม่มีเงินเดือนมารองรับ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเดือนนี้จะมีรายได้เท่าไหร่ บางเดือนอาจจะรายได้ดีแต่บางเดือนอาจไม่ดี สิ่งสำคัญจึงต้องมีความรู้ และมีความขยัน ต้องอดทนและรู้จักการแก้ปัญหาอย่างรอบคอบ เพื่อเตรียมพร้อมกับทุกสภาวะที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต


พร้อมแล้วหรือยัง? กับอาชีพอิสระ


อาชีพอิสระมีอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเล็กหรือใหญ่หากเราเตรียมตัวให้พร้อมก็ไม่ยากเกินความพยายาม การประกอบอาชีพอิสระไม่ใช่เรื่องง่าย ถือว่าเป็นงานที่ท้าทาย แต่ถ้าเตรียมตัวมาดีก็ทำให้มีอิสระในการกำหนดรูปแบบชีวิตของตัวเอง ไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร อาจจะไม่มีเงินเดือนที่แน่นอน แต่ผลตอบแทนที่ได้รับอาจคุ้มค่ากว่ามนุษย์เงินเดือนคนอื่นๆก็เป็นได้